สวัสดีสหายเอ๋ย ทริป"เที่ยววัดเมืองนนท์" ตามลำดับครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๔ และจะขอพาสามชิกไปชมโบสถ์ท้องสำเภา(โบสถ์มหาอุด)ศิลปะอยุธยาที่หาชมได้ใกล้ๆกรุงเทพ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงอยุธยาครับและวัดที่พูดถึงคือ "วัดปราสาท " เรามาลองทราบประวิติของวัดกันเคร่าๆ เพื่อจะได้ชมความงามด้านศิลปะและพุทธศิลป์ วัดปราสาท สมัยอยุธยาตอนปลาย สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
หน้าบันพระอุโบสถเป็นไม้สักสลักรูปนารายณ์ทรงครุฑ
(ปัจจุบันตัวครุฑถูกขโมยไปแล้ว) คล้ายกับที่วัดโพธิ์บางโอ
เครื่องบนเป็นไม้สักประดับด้วยรวยมอญ (ตัวไม้แกะสลักที่ทอดตัวลงมาบนหัวแปตอนหน้าจั่ว
เป็นศิลปะมอญ) ตรงหุ่นนก (สามเหลี่ยม ข้างรวยมอญ) เป็นรูปราชสีห์และคชสีห์
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นโบสถ์แบบมหาอุดไม่มีการเจาะฝาผนังเลย
ฐานพระอุโบสถเป็นแบบตกท้องช้างหรือท้องสำเภา (การสร้างโบสถ์แบบตกท้องช้างนั้น สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางสถาปัตยกรรม
คือเมื่ออากาศร้อน ความร้อนจะลอยตัวขึ้นสูงอากาศเย็นจะพัดเข้าแทนที่ได้สะดวก)
ประตูด้านหน้าทำเป็นสามชองคล้ายกับประเพณีสำหรับวัดหลวง คาดว่าสมัยก่อนประตูใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกลางคงมีไว้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเสด็จผ่านส่วนประตูเล็กด้านข้างอีกสองช่องคงมีไว้สำหรับข้าราชบริภารและประชาชนใช้ผ่านเข้าออก อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเพราะที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี มีการสร้างบันไดทางขึ้นไว้สามช่องโดยช่องตรง ซุ้มประตูเป็นลายปูนปั้นลวดลายสวยงามวิจิตรอลังการ ตรงทับหลังของประตูตรงกลางมีดอกไม้ทรงกลมไม้จำหลักอันสวยงามปัจจุบันเหลืออยู่หนึ่งดอกแต่ก็ยังคงมีร่อยรอยแห่งความสวยงามอลังการอยู่แม้จะหลงเหลืออยู่เพียงแค่ดอกเดียว เมื่อผ่านประตูเข้าไปภายในพระอุโบสถก็จะได้สัมผัสกับความรู้สึกร่มเย็นและเข้มขลังกับภาพแรกที่เห็นพระประธานในพระอุโบสถซึ่งภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานที่ดูแล้วมีความองอาจและพระพุทธรูปองค์อื่นๆที่ว่างอยู่รายรอบพร้อมด้วยพระสาวกจะดูสวยงามและเข้มขลังมากขึ้นเมื่อพระท่านดูแลเปิดไฟภายในพระอุโบสถให้ชมความงดงาม โดยได้รับการบูรณะลงรักปิดทองสวยงามมากๆ นอกจากองค์พระประธานแล้วอีกหนึ่งอย่างยังมีภาพจิตรกรรมเขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยฝีมือของสกุลช่างชั้นสูงนนทบุรีที่ว่ากันว่างดงามและละม้ายคล้ายคลึงกับภาพที่วัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี
โดยเฉพาะภาพเทพพนมยืนที่มีลักษณะและสัดส่วนใกล้เคียงกันมาก นอกจากนั้นยังมีภาพที่เรื่องทศชาติชาดก นับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดนนทบุรี ถือว่าวัดนี้เป็นวัดหนึ่ง ที่ดำเนินการอนุรักษ์โบสถ์และศิลปกรรมได้อย่างถูกวิธี จึงทำให้เป็นแหล่งวิทยาการที่น่าสนใจยิ่งของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ บนศาลาการเปรียญยังมีธรรมาสน์ที่มีอายุเก่าแก่พอกับโบสถ์ ประดับลวดลายตกแต่งอย่างสวยงาม วัดนี้จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่มีการอนุรักษ์ศิลปกรรมได้อย่างถูกต้อง เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่ชาวเมืองนนท์โดยแท้ ถึงแม้ว่าจะได้รับการอนุรักษ์แต่ก็ยังได้รับความเสียหายจากน้ำท่วนโดยเฉพาะความชื่นที่ทำลายภาพเขียนอันล้ำค่า (ภาพเหล่านี้ผมถ่านตอนหลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น