เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี
ทริป # ๖๒
(หลวงพ่อตาบอริยะสงฆ์ทุ่งมะขามเรียง วัดมะขามเรียง )
สวัสดีสมาชิกทุกท่านวันนี้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งคับหลังจากที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่(
เหตุมาจากคอมฯที่บ้านพัง )
วันนี้จะพาไปเที่ยวกราบหลวงพ่อตาบวัดมะขามเรียงเริ่มกันเลยนะครับ “วัดมะขามเรียง เป็นวัดเล็กๆเงียบสงบ ไม่มีผู้คนแวะเวียนมาเหมือนเมื่อครั้งที่หลวงพ่อท่านยังอยู่”
นี่เป็นคำพูดของพระที่วัด วัดมะขามเรียง ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 66 หมู่
2 บ้านบ่อกระโดน ต.ไผ่ขวาง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี
แรกเริ่มเดิมทีจะเป็นสำนักสงฆ์ จนกระทั่งล่วงมาถึง พ.ศ.2472 สำนักสงฆ์แห่งนี้ได้มีพระอธิการปลั่ง คชบุตร
เป็นกำลังสำคัญร่วมกับฆราวาสอันได้แก่ กำนันอาจ อาจหาญ และนายก ทายิกา
ชาวบ้านย่านไผ่ขวาง ร่วมกันพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้มั่งคงแข็งแรง โดยกำนันอาจ
อาจหาญ ได้เสียสละบริจาคที่ดินเป็นสำคัญ
ส่วนชาวบ้านก็รวบรวมกำลังกันก่อสร้างถาวรวัตถุอันจำเป็นขึ้นมาก่อน
และจึงได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาในปีนั้น วันที่ 30 กันยายน
2472 วัดมะขามเรียงก็ได้พระราชทานวิสุงคามสีมากว้าง 80
เมตร ยาว 120 เมตร
มีเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดคือ พระอธิการปลั่ง คชบุตร
พระอธิการปลั่งได้เป็นผู้นำของชาวบ้านสร้างวัดมะขามเรียง โดยได้เปิดสอนพระปริยัติ
เมื่อ พ.ศ.2478 เพราะได้กำลังสำคัญเข้ามาช่วยเหลือพระศาสนาในวัดอย่างเข้มแข็ง
คือ พระตาบ อตตกาโม เพื่อเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมปีนั้น พระตาบ อตตกาโม สอบนักธรรมตรีได้เป็นรุ่นแรกของโรงเรียนแห่งนี้
กาลล่วงมาถึง พ.ศ.2488 พระอธิการปลั่งคชบุตร ก็ลาสิกาขา ฯ สู่เพศคฤหัสถ์ ทางคณะสงฆ์เห็นว่า
พระตาบ อตตมาโม เป็นผู้มีความมุ่งมั่น
และเข้มแข็งในการปฏิบัติภารกิจพระศาสนาเป็นอย่างดี อีกทั้งมีความรู้ถึงนักธรรมเอก
กิตติคุณในการเทศน์ครั้งนั้นก็ลือชาปรากฏเป็นที่เลื่อนใสศรัทธาของชาวบ้านใกล้เรือนไกลมากมาย
จึงได้มอบหมายให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมะขามเรียง ตั้งแต่ พ.ศ.2489 หลังจากหลวงพ่อตาบได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว
วัดมะขามเรียงก็เริ่มเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งขึ้น
ทั้งกำลังศรัทธาของชาวบ้านและการก่อสร้างถาวรวัตถุอันได้แก่ โบสถ์ ศาลาการเปรียญ
และกุฏิสงฆ์ ก็ได้รับการพัฒนาจนเจริญรุ่งเรือง
สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
ที่เห็นประจักษ์ในปัจจุบันซึ่งมีความงดงามและมั่นคง
โรงเรียนประถมศึกษาของรัฐบาลซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดมะขามเรียง
เป็นผลงานอันเกิดจากการเห็นการไกลของหลวงพ่อตาบ ซึ่งท่านได้มุ่งมั่น
เพียรพยายามในการให้การอุปถัมภ์อยู่มิได้ขาด นับได้ว่าประวัติความเป็นมาของวัดมะขามเรียงนั้นได้เริ่มต้นในยุคของพระอธิการปลั่ง
และดำเนินมาเป็นวัดมะขามเรียงอย่างสมบูรณ์แบบด้วยบารมีของหลวงพ่อตาบมาจนถึงปัจจุบันซึ่งปัจจุบันได้มีพระครูศุภธรรมคุณเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะอำเภอบ้านหมอ เป็นผู้ดูแลวัดมะขามเรียงต่อมา
ตามความต้องการของหลวงพ่อตาบที่ท่านได้ตั้งปณิธานไว้
ประวัติหลวงพ่อตาบ
อัตตกาโม หรือ
"พระครูเวชคามคณารักษ์" วัดมะขามเรียง จ.สระบุรี ตาม ประวัติ
หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง
ได้ศึกษาด้านวิทยาคมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน หลวงพ่อตาบ อัตตกาโม เป็นพระเกจิดังชื่อดังที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีเมตตาธรรมสูง
มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตจังหวัดสระบุรี วัตถุมงคลของหลวงพ่อตาบ ท่านเป็น
ที่เสาะแสวงหาของบรรดาเซียนพระ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ รูปเหมือน พระกริ่ง พระเนื้อผง
โดยเฉพาะพระชัยวัฒน์เวชคามมะขามเรียง พระกริ่งเวชคามมะขามเรียง (ข้อมูลส่วนนี้จาก http://www.tumsrivichai.com
)
อัตโนประวัติหลวงพ่อตาบ
มีนามเดิมว่า ตาบ คชรินทร์ เกิดวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2454
ณ บ้านกระโดน ต.ไผ่ขวาง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ
นายโป๋และนางฟัก คชรินทร์ ท่านเป็นบุตรชายคนเดียวของครอบครัวเมื่อ หลวงพ่อตาบ
เติบโตได้สมควรก็เรียนรู้ภาษาไทยพออ่านออกเขียนได้กับบิดา
ก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดศักดิ์ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลับมาช่วยบิดา-มารดา ทำงาน
ระหว่างนี้ คุณตาแจ้ง ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านอักขระ ด้านเลขยันต์ เวทมนตร์พุทธอาคม
ได้สอนฝึก จนพอมีความสามารถด้านพุทธคมแต่เยาว์วัย
ครั้นอายุครบ 21 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ
พัทธสีมาวัดมะขามเรียง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2476 มี พระครูศรีคณาภิบาล (โฉม) วัดดอนพุด เป็นอุปัชฌาย์, พระอธิการแซ วัดบ้านร่อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการปลั่ง
เจ้าอาวาสวัดมะขามเรียง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาในเพศบรรพชิตว่า อตฺตกาโม
หลังจากอุปสมบทแล้วก็จำพรรษา ณ วัดมะขามเรียงกับพระอนุสาวณาจารย์
คือพระอธิการปลั่ง
หลวงพ่อตาบ
ท่านได้อยู่จำพรรษา ณ วัดมะขามเรียง ได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม พ.ศ.2480 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก นอกจากนี้ หลวงพ่อตาบ
ยังได้ศึกษาวิชานักเทศน์กับครูพรหม พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงแห่งวัดสามง่าม
กรุงเทพฯ จนสามารถเทศน์ได้ดีเยี่ยม ท่วงทำนองลีลาแบบลมพัดชายเขา หรือ
คลื่นกระทบฝั่ง เป็นที่ประทับใจแก่ญาติโยม แต่สุดท้าย
ท่านได้หันกลับไปศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน พ.ศ.2497
ท่านเดินทางไปศึกษากับพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ
อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระแห่งประเทศไทย ได้ฝึกฝนจนมีความชำนาญ
จึงได้กลับมายังวัดมะขามเรียง ตั้งสำนักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานวัดมะขามเรียง
มีลูกศิษย์มากมายมาขอฝึกปฏิบัติกับหลวงพ่อเป็นจำนวนมาก ด้านวิทยาคม หลวงพ่อตาบ
ได้ศึกษากับน้าชาย คือ พระครูประสาธน์วิทยาคม หรือ หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
พระเกจิชื่อดังด้านตะกรุดหน้าผากเสือ อีกทั้งได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค,
หลวงพ่อพิณ วัดมะขามโพรง, หลวงพ่อเดิม
วัดหนองโพธิ์ พ.ศ.2489 คณะสงฆ์ได้แต่งตั้งหลวงพ่อตาบ เป็นเจ้าอาวาสวัดมะขามเรียง จากนั้น
หลวงพ่อตาบ ได้ร่วมกับชาวบ้าน สร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์
ร่วมกันพัฒนาวัดมะขามเรียงบนเนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาม 14 ตารางวา เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ
หลวงพ่อตาบ
กับพุทธาคมของหลวงพ่อ ตามประวัติเบื้องต้นที่ได้กล่าวมาแล้วว่า หลวงพ่อตาบ
มีความรู้พื้นฐานด้านพุทธาคมมาตั้งแต่เยาว์วัยโดยได้ศึกษากับคุณตา
ผู้มีความเป็นเลิศทางด้านเวทย์มนต์คาถา
ครั้นมาอุปสมบทหลวงพ่อก็เริ่มศึกษาทางธรรมตลอดจนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
นับได้ว่ารากฐานทางด้านพลังจิต อำนาจบารมีทางใจของหลวงพ่อแข็งแกร่งขึ้น
กล่าวกันว่า วิชาพุทธาคมและเวทย์มนต์นั้นเป็นเพียงแผนที่
แต่จิตใจเป็นกำลังที่พาให้เดินไปตามแผนที่
เมื่อมีอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถกระทำได้สัมฤทธิ์ผลสมบูรณ์
หากมีสองสิ่งสองประการครบถ้วน ปฏิบัติการทางพุทธาคมย่อมประสบผลอย่างแน่แท้
เช่นเดียวกับหลวงพ่อตาบ
หลังจากท่านได้ฝึกฝนปฏิบัติการทางจิตใจโดยวิปัสสนากรรมฐานอย่างชำนิชำนาญจนจัดว่าเป็นนายของใจได้แล้ว
การปฏิบัติทางพุทธาคมและคาถาอาคมของหลวงพ่อตาบจึงมิต้องสงสัยเลยว่าจะทำได้ดีเยี่ยมขนาดไหน
นอกจากหลวงพ่อตาบ
จะศึกษาพุทธาคมกับคุณตาแล้ว ท่านยังได้ศึกษากับน้าชาย
ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังในครั้งอดีต คือ พระครูประสาธน์วิทยาคม (หลวงพ่อนอ)
วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา ผู้กระฉ่อนชื่อด้านตะกรุดหน้าผากเสือ โดยหลวงพ่อได้ศึกษาวิชาต่าง
ๆ มามากมาย และที่แน่นอนที่สุดก็คือ วิชาตะกรุดหน้าผากเสือ
ซึ่งหลวงพ่อตาบทำได้ขลังไม่แพ้ของอาจารย์ทีเดียว นอกจากหลวงพ่อนอ
วัดกลางท่าเรือแล้ว หลวงพ่อยังได้ศึกษาวิชาบางประการกับ หลวงพ่อพิณ วัดมะขามโพรง
และเคยเดินทางไปศึกษากับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
ซึ่งหลวงพ่อก็ทำมีดหมอได้ขลังมากเช่นกัน สำหรับ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นั้น
ดูเหมือนหลวงพ่อจะสนิทสนมกัน เพราะเคยเดินทางไปมาหาสู่อยู่บ่อย ๆ
ได้สนทนาธรรมและวิชาความรู้ต่าง ๆ มากมาย
นับได้ว่าหลวงพ่อมีความสนใจทางพุทธาคมอยู่มาก และเพียรพยายามติดตามศึกษาอย่างเจนจบ
พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวง
พ่อตาบ ที่จัดสร้าง อาทิ ตะกรุดโทน ตะกรุดสามพี่น้อง ตะกรุดนวโลกุตระ (9 ดอก)
ตะกรุดหน้าผากเสือ เหรียญรุ่นต่างๆ เหรียญหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง รุ่นแรก
พระชัยวัฒน์ พระกริ่งเวชคาม รูปเหมือนกริ่ง มีดหมอ พระผงต่างๆ ผ้ายันต์ แหวนถักด้วยเชือกและจีวร
เป็นต้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์กับผู้ที่พกพาพระเครื่องและวัตถุมงคลของท่าน
ไม่ว่าจะด้านเมตตาค้าขาย โชคลาภ คงกระพัน มหาอุด ก็พบเห็นกันบ่อยๆ
โดยเฉพาะตะกรุดหน้าผากเสือ ของหลวงพ่อตาบ ที่ใครหลายคนต้องการ พุทธคุณไม่แพ้
หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ เลยทีเดียว หลวงพ่อตาบ ได้ละสังขารลงเมื่อวันที่ 31
ธันวาคม 2532 สิริอายุ 78 ปี จนถึงทุกวันนี้เป็นเวลา 24 ปีแต่ร่างกายสังขารของท่าน ไม่เน่าเปื่อย
บรรดาลูกศิษย์จึงนำสังขารร่างของท่านใส่ไว้ในโลงแก้ว
ตั้งไว้ให้บรรดาพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้
หากว่าสมาชิกท่านใดมีโอกาศผ่านมาทางท่าเรือหรือดอนพุดควรหาโอกาสไปกราบท่านที่วัด
สุดท้ายขออาราทนานำภาพสรีระสังขารขอหลวงพ่อมาให้เป็นศิริมงคลกับชีวิตสำหรับพระผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ขออำนาจบารมีของหบวงพ่อตาบ
วัดมะขามเรียงจงคุ้มครองให้ท่านคลาดแคล้วจากภัยทั้งปวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น