วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริปที่ # ๙๕ วัดบางบัว (วัดลาดน้ำเค็ม)


สวัสดีสมาชิกทุกๆท่านในการแนะนำเรื่องราววัดวาเหมือนทุกๆครั้งหลังจากห่างหายไปนาน ในครั้งนี้จะพาสมาชิกเข้าวัดในกรุงเทพใกล้ๆในพื้นที่ของรามอินทราแถวบ้านผมเองครับ ครับวัดที่ว่าคือวัดบางบัว ชมโบสถ์สีชมพู วัดบางบัวตั้งอยู่หลังมหาวิทยาลัยศรีปทุม และโรงเรียนสาระสาร บางเขนติดคลองลาดพร้าว
วัดบางบัว  ตั้งอยู่เลขที่ 50 ซอยไวปรีชา ถนนพหลโยธิน 46 หมู่ที่ 1 แขวงอนุสาวรีย์  เขตบางเขน  กรุงเทพมหานคร  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  มีที่ดินตั้งวัดตาม น.ส. 4 ง. เลขที่ 30354 เนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา โดยมีอาณาเขต คือ ทิศเหนือยาว 92.5 เมตร ติดต่อกับเขตทหารราบ 11 พัน 1 รอ.ทิศใต้ยาว 86 เมตร ติดต่อกับเขตทหารราบ 11 พัน 1 รอ. ทิศตะวันออกยาว 185.6 เมตร ติดต่อกับเขตทหารราบ 11 พัน 1 รอ. ทิศตะวันตกยาว 197.6 เมตร ติดต่อกับลำคลองลาดพร้าวพื้นที่วัดเป็นที่ราบลุ่มมีลำธารผ่านหน้าวัด ส่วนอีกสามด้านติดต่อกับเขตทหาร กรมทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ ภายในวัดประกอบด้วย เสนาสนะ ดังนี้คือ อุโบสถกว้าง 14 เมตร ยาว 40 เมตร  สร้าง พ.ศ.2519 ทรงไทยมีช่อฟ้าใบระกา เสาหาร กำแพงแก้ว โดยรอบ กุฏิสงฆ์จำนวน 13 หลังมีทั้งที่เป็นอาคารไม้และอาคารคอนกรีต หอสวดมนต์ โรงเรียนพระปริยัติธรรม หอระฆัง  มณฑปพระพุทธบาทจำลอง ศาลาบำเพ็ญกุศลจำนวน 6 หลัง วิหาร ศาลาการเปรียญ อาคารคอนกรีต  มีช่อฟ้าหน้าบันสร้าง พ.ศ.2502 ศาลาท่าน้ำ 4 หลัง  สำหรับปูชนียวัตถุที่สำคัญมี พระประธานในอุโบสถหน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สมัยสุโขทัยนอกจากนี้ก็มีพระพุทธรูปสมัยอู่ทองหน้าตักกว้าง 53 นิ้ว พระพุทธชินราชจำลองหน้าตักกว้าง 45 นิ้วพระปางห้ามญาติ นาคปรก สมัยสุโขทัย รวม 7 องค์



วัดบางบัว สร้างประมาณ พ.ศ.2380 โดยมีสี่พระยาเป็นผู้สร้างคือ พระยาศรี พระยาเพ็ชรปราณี  พระยาพุคภักดี และพระยาราชหลักเมือง แรก ๆ ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดลาดน้ำเค็มต่อมาจึงเปลี่ยนนามเป็น วัดบางบัวหลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะพัฒนาวัดอย่างจริงจังต่อเนื่องตลอดมาทำให้วัดเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น วัดบางบัวได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร ได้ผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2519



สิ่งที่สะดุดตาของวัดบางบัวคืออุโบสถ์ที่ทางวัดทาสีชมพู นี่แหละครับว่างๆเรียนเชิญสมาชิกที่ผ่านทางมาแวะไหว้พระและชมโบสถ์สีชมพูกันครับ ขอบคุณข้อมูลจากจากหนังสือ ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรกองพุทธศาสนาสถาน กรมการศาสนา, กระทรวงศึกษาธิการ (เล่ม 2) แล้วพบกันใหม่ในกระทู้หน้าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น