สวัสดีสหายเอ๋ย วันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะนำเสนอวัดวาอารามสิ่งงดงามแห่งเมืองนนทบุรีกับ
"เที่ยววัดเมืองนนท์-กับคนบางกรวย#๒"
ตามคำเชิญของพี่ต้อม_บางกรวย นักบุญพ่อลูกอ่อนของผม
เมื่อครั้งที่แล้ว พาชมอุโบสถ์บนเรือหงษ์ที่วัดชะลอ
อย่างที่พอจะทราบมาว่านนทบุรีเป็นเมืองเก่าแก่เป็นร้อยปีแต่โบราณดังนั้นที่นี่จึงมีร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเมื่อครั้งอดีตโดยดูได้จากวัดวาอารามเก่าแก่มากมายในเมืองนนทบุรีนี้
ทั้งยังมีกาพย์กลอนและนิราศต่างของกวีแต่โบราณที่ผ่านมาทางนี้และได้กล่าวร่ำพรรณาถึงความงามของคลองและวัดต่างๆ
และต้องขออภัยที่นำวัดบางขนุนมานำเสนอก่อนทั้งๆที่ปิดท้ายกระทู้วัดชะลอว่าจะพาไปวัดโพธิ์บางโอ
และอย่าที่บอกครับที่นี่เป็นถิ่นของ”พี่ต้อม บางกรวย”ก็คงต้องขอบคุณพี่ต้อม บางกรวย ที่อำนวยความสะดวกในที่นี้ทั้งมาเป็นไกด์และขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสในการเข้าชมในโบราณสถานแห่งนี้
วัดบางขนุน จากบางวรรคบางตอนในนิราศพระประธม ของท่านสุนทรภู่ท่านได้กล่าวไว้ว่า
" บางขนุนขุนกองมีคลองกว้าง ว่าเดิมบางชื่อถนนเขาขนของ
เป็นเรื่องหลังครั้งคราวท้าวอู่ทอง แต่คนร้องเรียกเฟือนไม่เหมือนเดิม
สุดาใดได้เพื่อนอย่าเฟือนพี่ เหมือนมณีนพรัตน์ฉัตรเฉลิม
ตัวหอไตรเองภายในก็เขียนด้วยลายเขียนสีกาวน้ำโดยรอบแต่ก็เลือนลางไปบ้างตามกาลเวลาแต่ก็ยังคงมีความสวยงามอยู่
หลังจากได้เก็บภาพภายในหอไตรแล้ว ไกด์กิตติมศักดิ์ก็พาไปชมพระอุโบสถและดูเหมือนพี่ต้อมของเราจะภูมิใจนำเสนอเจ้าจุกที่ซุ้มหน้าต่างพระอุโบสถที่มีอยู่บานเดียวเท่านั้นในจำนวนบานหน้าต่างของพระอุโบสถเลยต้องเก็บภาพมาฝากกันครับ
มาชมเจ้าจุกกันก่อนเข้าในพระอุโบสถ ไม่ผิดหวังจริงๆครับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดนี้สวยงามทรงคุณค่า
โดยเฉพาะภาพเสด็จจากดาวดึงส์ ที่โดยทั่วไปแล้วจะเขียนไว้เบื้องหลังพระประธาน
แต่ที่นี่เขียนไว้ที่ผนังด้านหน้า
ส่วนใหญ่ภาพเสด็จจากดาวดึงส์ที่อื่นๆจะเขียนภูเขาเป็นแท่งสูงชะลูดมีวิมารอยู่บนยอดเขาเป็นยอดกลางของดาวดึงส์
มีวิมานใหญ่เป็นที่สถิตของพุทธมารดา มีบันไดเงินทองแก้วซึ่งพระอินทร์
และพระพรหมเนรมิตให้พระพุทธเจ้าเสด็จกลับสู่มนุษย์โลกหลังจากไปจำพรรษาโปรดพุทธมารดา
ณ ดาวดึงส์ ส่วนด้านหลังพระประธานจะเขียนเป็นภาพมารผจญที่มีภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งปางมารวิชัยหรือปางสะดุ้งมารโดยมีพระแม่ธรณีปีบมวยผม
ด้านข้างเขียนภาพพญามารเป็นยักษ์และภาพชาวต่างชาติสัตว์ต่าง
ด้านข้างเขียนเป็นภาพชุมนุมเทพที่มีทั้งเทวดาลิงยักษ์
หน้าต่างเขียนเป็นลายเทวดาที่มีความสวยงามมาก ส่วยบานประตูเขียนเป็นลายกางเสี้ยว
อีกอย่างหนึ่งที่ทรงคุณค่าของวัดบางขนุนคือธรรมาสน์ยาวที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
“สังเค็ด” ที่ตกทอดมาหลายร้อยปีที่มีความสวยงามวิจิตรมาก
ตัวสังเค็ดนี้ทำด้วนไม้ตรงหน้าบันช่างแกะสลักพันธุ์ไม้เกาะเกี่ยวกันอย่างงกงาม
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูเลยทีเดียว และที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของสังเค็ดคือ”นาคเบือน” คือส่วนประกอบของป้านลมของปราสาทและธรรมาสน์
ซุ้มประตูหน้าต่างอุโบสถ นาคเบือนจะอยู่ตรงปลายที่เรียกว่าหางหงส์ ทำเป็นนาค 3
เศียร ชูคอเบือนมาทางด้านหน้าที่นิยมใช้กับปราสาทราชวังและธรรมาสน์
ถ้าเป็นเครื่องบนของอาคารวัดทั่วๆไปจะใช้เป็นหางหงส์ เป็นส่วนปลายล่างและหันออกทั้งสองข้างของป้านลม
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างปราสาทกับวัด ความเป็นมาของเครื่องสังเค็ด คือ
สิ่งของสำหรับทำบุญเป็นทานวัตถุถวายพระเทศน์ หรือ บังสุกุลหน้าศพ เมื่อจะปลง
เพื่ออุทิศผลแก่ผู้ตายหรือหมาย ถึงสิ่งของที่ทำบุญทั่วไป เช่น เครื่องไตรจีวร ตู้
โต๊ะ เตียง เป็นเครื่องใช้สำหรับสงฆ์ และ สำหรับพระอาราม คำว่า “ สังเค็ด” กล่าวว่ามีที่มาจากคำว่า “สังคีต” หมายถึงการสวด เตียงพระสวด หรือร้านสวดในงานมงคลหรือในการศพ
ก็เรียกว่าสังเค็ด
ที่มาของการถวายเครื่องสังเค็ดในการศพ
สืบเนื่องจากประเพณีไทยแต่ก่อนเมื่อมีผู้ตาย
สิ่งของเครื่องใช้สิ่งใดซึ่งเป็นส่วนของ ผู้ตายใช้เป็นประจำ
มักไม่เก็บไว้ในบ้านให้ผู้อื่นใช้ต่อไป
เพราะรังเกียจหรือกลัวผีจึงให้เป็นทานแก่คนยากจน หรือสิ่งใดพอจะทำบุญ
ถวายวัดถวายพระได้ก็ถวาย เช่น ผ้าใหม่สำหรับห่อคัมภีร์
หีบเสื้อผ้าถวายสำหรับใส่พระธรรม เตียงนอนถวายเป็นเตียงสวยหรือร้าน สวดในงานศพ
เสร็จงานก็ถวายแก่พระภิกษุ หรือแม้กระทั่งเรือนผู้ตายก็มักรื้อถวายเป็นกุฎีสงฑ์
ถือว่าได้ บุญเป็นการอุทิศส่วนกุศล ถึงผู้ตาย
หากเจ้าภาพเป็นผู้มั่งคั่งนอกจากนำสมบัติผู้ตายถวายแก่วัดแล้วยังมีของสิ่งอื่นเพิ่มเติมให้
เป็นพิเศษมีตู้โต๊ะสมทบไปด้วย เพื่ออุทิศไปให้แก่ผู้ตายใช้สอยในสัมปรายภพ
เหตุที่เรียกสิ่งของทำบุญถวายในการศพว่า เครื่องสังเค็ด ก็เนื่องด้วยนำสังเค็ด คือ
เตียงพระสวดมาใส่ของหามเข้ากระบวนแห่งศพ หรือใส่ตะเฆ่ลากไป ในเตียงสังเค็ด
ใส่ผ้าไตรสำหรับถวายทำบุญตกแต่งประดับ ประดางดงาม
จึงเป็นธรรมเนียมถวายเครื่องสังเค็ดในการศพสืบๆมา
ว่ากันว่าที่นี่ยังมีอีกสองอย่างแต่ไม่ได้ไปดูคือ "หินบดยา" (ยาแผนโบราณ) ลักษณะหินบดยา (แพทย์แผนโบราณ) ทำเป็น 3 ชุด ชุดหนึ่งมีอุปกรณ์ 3 ชิ้น คือ แท่งหินบด แท่นหินรองบด และไม้สำหรับวางแท่นหินบด แท่งหินบดทำมาจากทรายสีแดงเป็นก้อนสี่เหลี่ยมยาวประมาณ 1 ฟุต หนา 1 คืบ ไม้สำหรับวางแท่นหินบดรูปร่างคล้ายกับตั่งนั่ง เป็นไม้เนื้อแข็ง สันนิษฐานว่าจะเป็นไม้สักเพราะมีน้ำหนักเบาตัวมอดไม่กิน ไม่ผุกร่อน ยังมีสภาพสมบูรณ์ใช้การได้ดีวิธีการบดใช้แรงงานคน เมื่อบดให้ละเอียดแล้วจึงนำไปผสมเป็นตัวยาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บตามที่ต้องการ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2531 เจ้าอาวาสบางขนุน (ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว) มีความรู้เรื่องยาแผนโบราณเพราะที่วัดมี "สมุดไทย" (สมุดข่อย) ที่เป็นตำราแพทย์โบราณ ซึ่งที่วัดมีอยู่หลายฉบับ เช่น ตำราเจ็ดคัมภีร์ และภาพทศชาติ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ตำราแพทย์โบราณ ตำรากฎหมาย และตำรโหราศาสตร์สร้างขึ้นประมาณสมัยรัชกาลที่ 6-7 ปัจจุบันยังคงเหลือเป็นบางฉบับเท่านั้น และฉบับที่นับว่าสำคัญคือ ตำราเจ็ดคัมภีร์และภาพทศชาติ แต่ไม่ได้ไปชมครับเลยไม่มีภาพมาฝาก
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ต้อม_บางกรวย ที่อำนวยความสะดวกในการชมวัด ขอบคุณน้องแอ๋ว ผบ.พี่ต้อมสำหรับน้ำเย็นๆ และอีกมากมายและยินดีกับมิตรภาพดีๆจาก น้องต้อม poopoony , น้องตั้ม บางกรวย (familyman)
ว่ากันว่าที่นี่ยังมีอีกสองอย่างแต่ไม่ได้ไปดูคือ "หินบดยา" (ยาแผนโบราณ) ลักษณะหินบดยา (แพทย์แผนโบราณ) ทำเป็น 3 ชุด ชุดหนึ่งมีอุปกรณ์ 3 ชิ้น คือ แท่งหินบด แท่นหินรองบด และไม้สำหรับวางแท่นหินบด แท่งหินบดทำมาจากทรายสีแดงเป็นก้อนสี่เหลี่ยมยาวประมาณ 1 ฟุต หนา 1 คืบ ไม้สำหรับวางแท่นหินบดรูปร่างคล้ายกับตั่งนั่ง เป็นไม้เนื้อแข็ง สันนิษฐานว่าจะเป็นไม้สักเพราะมีน้ำหนักเบาตัวมอดไม่กิน ไม่ผุกร่อน ยังมีสภาพสมบูรณ์ใช้การได้ดีวิธีการบดใช้แรงงานคน เมื่อบดให้ละเอียดแล้วจึงนำไปผสมเป็นตัวยาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บตามที่ต้องการ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2531 เจ้าอาวาสบางขนุน (ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว) มีความรู้เรื่องยาแผนโบราณเพราะที่วัดมี "สมุดไทย" (สมุดข่อย) ที่เป็นตำราแพทย์โบราณ ซึ่งที่วัดมีอยู่หลายฉบับ เช่น ตำราเจ็ดคัมภีร์ และภาพทศชาติ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ตำราแพทย์โบราณ ตำรากฎหมาย และตำรโหราศาสตร์สร้างขึ้นประมาณสมัยรัชกาลที่ 6-7 ปัจจุบันยังคงเหลือเป็นบางฉบับเท่านั้น และฉบับที่นับว่าสำคัญคือ ตำราเจ็ดคัมภีร์และภาพทศชาติ แต่ไม่ได้ไปชมครับเลยไม่มีภาพมาฝาก
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ต้อม_บางกรวย ที่อำนวยความสะดวกในการชมวัด ขอบคุณน้องแอ๋ว ผบ.พี่ต้อมสำหรับน้ำเย็นๆ และอีกมากมายและยินดีกับมิตรภาพดีๆจาก น้องต้อม poopoony , น้องตั้ม บางกรวย (familyman)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น