วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป #๔๑(เที่ยวเมืองนนท์ชมจิตรกรรม-ตู้พระไตรปิฎกเก่าวัดบางขนุน)


สวัสดีสหายเอ๋ย วันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะนำเสนอวัดวาอารามสิ่งงดงามแห่งเมืองนนทบุรีกับ "เที่ยววัดเมืองนนท์-กับคนบางกรวย#๒" ตามคำเชิญของพี่ต้อม_บางกรวย นักบุญพ่อลูกอ่อนของผม เมื่อครั้งที่แล้ว พาชมอุโบสถ์บนเรือหงษ์ที่วัดชะลอ  อย่างที่พอจะทราบมาว่านนทบุรีเป็นเมืองเก่าแก่เป็นร้อยปีแต่โบราณดังนั้นที่นี่จึงมีร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเมื่อครั้งอดีตโดยดูได้จากวัดวาอารามเก่าแก่มากมายในเมืองนนทบุรีนี้ ทั้งยังมีกาพย์กลอนและนิราศต่างของกวีแต่โบราณที่ผ่านมาทางนี้และได้กล่าวร่ำพรรณาถึงความงามของคลองและวัดต่างๆ และต้องขออภัยที่นำวัดบางขนุนมานำเสนอก่อนทั้งๆที่ปิดท้ายกระทู้วัดชะลอว่าจะพาไปวัดโพธิ์บางโอ และอย่าที่บอกครับที่นี่เป็นถิ่นของพี่ต้อม บางกรวยก็คงต้องขอบคุณพี่ต้อม บางกรวย ที่อำนวยความสะดวกในที่นี้ทั้งมาเป็นไกด์และขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสในการเข้าชมในโบราณสถานแห่งนี้ วัดบางขนุน จากบางวรรคบางตอนในนิราศพระประธม ของท่านสุนทรภู่ท่านได้กล่าวไว้ว่า
 " บางขนุนขุนกองมีคลองกว้าง                ว่าเดิมบางชื่อถนนเขาขนของ
เป็นเรื่องหลังครั้งคราวท้าวอู่ทอง                  แต่คนร้องเรียกเฟือนไม่เหมือนเดิม
สุดาใดได้เพื่อนอย่าเฟือนพี่                     เหมือนมณีนพรัตน์ฉัตรเฉลิม
อันน้ำในใจรักช่วยตักเติม                     ให้พูนเพิ่มพิศวาสอย่าคลาดคลาย







เรามาเริ่มกันเลยแล้วกันครับ วัดบางขนุน ตั้งอยู่ที่บ้านบางขุนกอง ตำบลบางขนุน เมื่อเราผ่านประตูวัดเข้ามาสิ่งแรกที่สะดุดตาของผมก็เป็นหอไตรที่อยู่ทางด้านซ้ายมือตรงข้ามกับพระอุโบสถ เป็นเรือนไม้ทรงไทยหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาปลูกอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆซึ่งปกติที่นี่จะปิดประตูเนื่องจากกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้ แต่ด้วยความที่มาเจ้าถิ่นและไม่ผิดหวังจริงๆครับเมื่อเปิดประตูเข้าไปหัวใจก็พองโตขึ้นมาทันที่ครับเมื่อแสงจากด้านนอกส่องเข้ามากระทบกับตู้พระไตรปิฎกลายรอน้ำที่เหลืองอร่ามด้วยสีทองสวยงามมากๆจำนวนหลายใบที่จัดวางอยู่ด้านใน




ตัวหอไตรเองภายในก็เขียนด้วยลายเขียนสีกาวน้ำโดยรอบแต่ก็เลือนลางไปบ้างตามกาลเวลาแต่ก็ยังคงมีความสวยงามอยู่ หลังจากได้เก็บภาพภายในหอไตรแล้ว ไกด์กิตติมศักดิ์ก็พาไปชมพระอุโบสถและดูเหมือนพี่ต้อมของเราจะภูมิใจนำเสนอเจ้าจุกที่ซุ้มหน้าต่างพระอุโบสถที่มีอยู่บานเดียวเท่านั้นในจำนวนบานหน้าต่างของพระอุโบสถเลยต้องเก็บภาพมาฝากกันครับ มาชมเจ้าจุกกันก่อนเข้าในพระอุโบสถ ไม่ผิดหวังจริงๆครับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดนี้สวยงามทรงคุณค่า โดยเฉพาะภาพเสด็จจากดาวดึงส์ ที่โดยทั่วไปแล้วจะเขียนไว้เบื้องหลังพระประธาน แต่ที่นี่เขียนไว้ที่ผนังด้านหน้า ส่วนใหญ่ภาพเสด็จจากดาวดึงส์ที่อื่นๆจะเขียนภูเขาเป็นแท่งสูงชะลูดมีวิมารอยู่บนยอดเขาเป็นยอดกลางของดาวดึงส์ มีวิมานใหญ่เป็นที่สถิตของพุทธมารดา มีบันไดเงินทองแก้วซึ่งพระอินทร์ และพระพรหมเนรมิตให้พระพุทธเจ้าเสด็จกลับสู่มนุษย์โลกหลังจากไปจำพรรษาโปรดพุทธมารดา ณ ดาวดึงส์ ส่วนด้านหลังพระประธานจะเขียนเป็นภาพมารผจญที่มีภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งปางมารวิชัยหรือปางสะดุ้งมารโดยมีพระแม่ธรณีปีบมวยผม ด้านข้างเขียนภาพพญามารเป็นยักษ์และภาพชาวต่างชาติสัตว์ต่าง ด้านข้างเขียนเป็นภาพชุมนุมเทพที่มีทั้งเทวดาลิงยักษ์ หน้าต่างเขียนเป็นลายเทวดาที่มีความสวยงามมาก ส่วยบานประตูเขียนเป็นลายกางเสี้ยว

อีกอย่างหนึ่งที่ทรงคุณค่าของวัดบางขนุนคือธรรมาสน์ยาวที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังเค็ดที่ตกทอดมาหลายร้อยปีที่มีความสวยงามวิจิตรมาก ตัวสังเค็ดนี้ทำด้วนไม้ตรงหน้าบันช่างแกะสลักพันธุ์ไม้เกาะเกี่ยวกันอย่างงกงาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูเลยทีเดียว และที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของสังเค็ดคือนาคเบือนคือส่วนประกอบของป้านลมของปราสาทและธรรมาสน์ ซุ้มประตูหน้าต่างอุโบสถ นาคเบือนจะอยู่ตรงปลายที่เรียกว่าหางหงส์ ทำเป็นนาค 3 เศียร ชูคอเบือนมาทางด้านหน้าที่นิยมใช้กับปราสาทราชวังและธรรมาสน์ ถ้าเป็นเครื่องบนของอาคารวัดทั่วๆไปจะใช้เป็นหางหงส์ เป็นส่วนปลายล่างและหันออกทั้งสองข้างของป้านลม นี่คือข้อแตกต่างระหว่างปราสาทกับวัด ความเป็นมาของเครื่องสังเค็ด คือ สิ่งของสำหรับทำบุญเป็นทานวัตถุถวายพระเทศน์ หรือ บังสุกุลหน้าศพ เมื่อจะปลง เพื่ออุทิศผลแก่ผู้ตายหรือหมาย ถึงสิ่งของที่ทำบุญทั่วไป เช่น เครื่องไตรจีวร ตู้ โต๊ะ เตียง เป็นเครื่องใช้สำหรับสงฆ์ และ สำหรับพระอาราม  คำว่า สังเค็ดกล่าวว่ามีที่มาจากคำว่า สังคีตหมายถึงการสวด เตียงพระสวด หรือร้านสวดในงานมงคลหรือในการศพ ก็เรียกว่าสังเค็ด




     ที่มาของการถวายเครื่องสังเค็ดในการศพ สืบเนื่องจากประเพณีไทยแต่ก่อนเมื่อมีผู้ตาย สิ่งของเครื่องใช้สิ่งใดซึ่งเป็นส่วนของ ผู้ตายใช้เป็นประจำ มักไม่เก็บไว้ในบ้านให้ผู้อื่นใช้ต่อไป เพราะรังเกียจหรือกลัวผีจึงให้เป็นทานแก่คนยากจน หรือสิ่งใดพอจะทำบุญ ถวายวัดถวายพระได้ก็ถวาย เช่น ผ้าใหม่สำหรับห่อคัมภีร์ หีบเสื้อผ้าถวายสำหรับใส่พระธรรม เตียงนอนถวายเป็นเตียงสวยหรือร้าน สวดในงานศพ เสร็จงานก็ถวายแก่พระภิกษุ หรือแม้กระทั่งเรือนผู้ตายก็มักรื้อถวายเป็นกุฎีสงฑ์ ถือว่าได้ บุญเป็นการอุทิศส่วนกุศล ถึงผู้ตาย หากเจ้าภาพเป็นผู้มั่งคั่งนอกจากนำสมบัติผู้ตายถวายแก่วัดแล้วยังมีของสิ่งอื่นเพิ่มเติมให้ เป็นพิเศษมีตู้โต๊ะสมทบไปด้วย เพื่ออุทิศไปให้แก่ผู้ตายใช้สอยในสัมปรายภพ เหตุที่เรียกสิ่งของทำบุญถวายในการศพว่า เครื่องสังเค็ด ก็เนื่องด้วยนำสังเค็ด คือ เตียงพระสวดมาใส่ของหามเข้ากระบวนแห่งศพ หรือใส่ตะเฆ่ลากไป ในเตียงสังเค็ด ใส่ผ้าไตรสำหรับถวายทำบุญตกแต่งประดับ ประดางดงาม จึงเป็นธรรมเนียมถวายเครื่องสังเค็ดในการศพสืบๆมา

ว่ากันว่าที่นี่ยังมีอีกสองอย่างแต่ไม่ได้ไปดูคือ "หินบดยา" (ยาแผนโบราณ) ลักษณะหินบดยา (แพทย์แผนโบราณ) ทำเป็น 3 ชุด ชุดหนึ่งมีอุปกรณ์ 3 ชิ้น คือ แท่งหินบด แท่นหินรองบด และไม้สำหรับวางแท่นหินบด แท่งหินบดทำมาจากทรายสีแดงเป็นก้อนสี่เหลี่ยมยาวประมาณ 1 ฟุต หนา 1 คืบ ไม้สำหรับวางแท่นหินบดรูปร่างคล้ายกับตั่งนั่ง เป็นไม้เนื้อแข็ง สันนิษฐานว่าจะเป็นไม้สักเพราะมีน้ำหนักเบาตัวมอดไม่กิน ไม่ผุกร่อน ยังมีสภาพสมบูรณ์ใช้การได้ดีวิธีการบดใช้แรงงานคน เมื่อบดให้ละเอียดแล้วจึงนำไปผสมเป็นตัวยาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บตามที่ต้องการ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2531 เจ้าอาวาสบางขนุน (ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว) มีความรู้เรื่องยาแผนโบราณเพราะที่วัดมี "สมุดไทย" (สมุดข่อย) ที่เป็นตำราแพทย์โบราณ ซึ่งที่วัดมีอยู่หลายฉบับ เช่น ตำราเจ็ดคัมภีร์ และภาพทศชาติ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ตำราแพทย์โบราณ ตำรากฎหมาย และตำรโหราศาสตร์สร้างขึ้นประมาณสมัยรัชกาลที่ 6-7 ปัจจุบันยังคงเหลือเป็นบางฉบับเท่านั้น และฉบับที่นับว่าสำคัญคือ ตำราเจ็ดคัมภีร์และภาพทศชาติ แต่ไม่ได้ไปชมครับเลยไม่มีภาพมาฝาก





สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ต้อม
_บางกรวย ที่อำนวยความสะดวกในการชมวัด ขอบคุณน้องแอ๋ว ผบ.พี่ต้อมสำหรับน้ำเย็นๆ และอีกมากมายและยินดีกับมิตรภาพดีๆจาก น้องต้อม poopoony , น้องตั้ม บางกรวย (familyman)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น