วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป #๔๔(เที่ยวเมืองนนท์เยือยบ้านไกรทองที่วัดบางไกรใน )

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป #๔๔(เที่ยวเมืองนนท์เยือยบ้านไกรทองที่วัดบางไกรใน )



บางนายไกรไกรทองอยู่คลองนี้       ชื่อจึงมีมาทุกวันเหมือนมั่นหมาย
ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตาย         เป็นยอดชายเชี่ยวชาญการวิชา
ได้ครอบครองสองสาวชาวพิจิตร     สมสนิทนางตะเข้เสน่หา
เหมือนตัวพี่นี้ได้ครองแต่น้องยา       จะเกื้อหน้าพางามขึ้นครามครัน
จากนิราศพระประธม ของท่านมหากวีสุนทรภู่บทนี้ทำให้ผมขุนอภัยภักดีต้องเดินทางมาเยือนบ้านนายไกรผู้ที่เดินทางไกลไปปราบพญาจระเข้ไกลถึงเมือพิจิตรและพิชิตใจสาวงามแห่งเมืองพิจิตรสองศรีพี่น้องครับ และนี่ก็คือ วัดที่ ๔ ของทริปเที่ยววัดเมืองนนท์ 




จากตำนานเกี่ยวกับนายไกร ไกรทองเดิมชื่อนายไกร บ้านอยู่ที่คลองวัดบางไกรใน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เป็นชาวสวน มีความสนใจในการเรียนวิชาไสยศาสตร์มาก วันหนึ่งได้รับข่าวจากจังหวัดพิจิตรว่ามีจระเข้ดุร้ายมาก เที่ยวอาละวาดทำร้ายผู้คนไม่มีผู้ใดปราบได้ เจ้าเมืองพิจิตรจึงประกาศหาผู้มีฝีมือดีให้ไปช่วยปราบจระเข้ดุร้ายนี้ ถ้าใครปราบได้จะยกลูกสาวให้ นายไกรจึงเดินทางไปเมืองพิจิตรโดยขอโดยสารเรือแม่ค้าหมากแห้งที่จะไปค้าขาย ณ จังหวัดพิจิตร แม่ค้ายินยอมให้นายไกรไปด้วย แต่เมื่อใกล้ถึงเมืองพิจิตร ด้วยความกลัวจระเข้อาละวาดตน แม่ค้าจึงให้นายไกรไปเอง นายไกรได้อาสาไปปราบจระเข้และสามารถปราบได้ จึงได้รับรางวัล จากเจ้าเมืองพิจิตรคือยกลูกสาวให้ ภายหลังเมื่อนายไกรถึงแก่กรรมแล้ว บริเวณบ้านนายไกรจึงมีชื่อว่า "บางไกรใน" และมีวัดประจำหมู่บ้านชื่อวัดบางไกรใน วัดบางไกรนอก และมีศาลนายไกร ส่วนคำว่า "ทอง" นั้น คงจะเติมขึ้นภายหลังเพราะคนไทยนิยมตั้งคำว่า ทอง ให้หมายถึง สิ่งดี ๆ เช่น ทองดี จึงเติมท้ายชื่อนายไกรว่า นายไกรทอง  บทความจากวิกิพีเดีย วัดบางไกรใน ตั้งอยู่ริมคลองบางไกรนอก ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี วัดบางไกรในเดิมชื่อวัดบางนายไกร”  ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา บางนี้ชื่อ บางนายไกรมีนายไกรทองเป็นชาวสวน เรียนวิชาอาคมต่างๆ ที่วัดลิงขบ (วัดบวรมงคล) จะนำผลไม้ลงในเรือแล้วก็ล่องเรือไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั้งทางเหนือและทางใต้ ครั้งนั้นนายไกรทองได้ล่องเรือไปทางหัวเมืองทางเหนือ ณ เมืองพิจิตรได้เจอประกาศการปราบจระเข้ ผู้ใดปราบได้จะได้รางวัล คือ ได้ที่นาทำมาหากินที่เมืองพิจิตร ได้ผู้หญิง ได้ทรัพย์สมบัติ นายไกรทองจึงไปเรียนวิชา หอก เทียนเบิกน้ำ ที่พิจิตร เมือปราบเสร็จสิ้นแล้ว นายไกรทองก็ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่พิจิตรจนสิ้นบุญ  ต่อมาลูกหลานที่จังหวัดนนทบุรีได้สืบสาวราวเรื่องว่าเป็นลูกลานของนายไกรทองจึงได้ประกาศตามหาลูกหลานที่เมืองพิจิตรด้วยแต่ไม่พบ ลูกหลานจึงได้สร้างวัดบางนายไกร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นายไกรทองที่ปราบจระเข้ได้ที่เมืองพิจิตรวัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง กรุงศรีอยุธยาวัดนี้เดิมเป็นโครงหลังคาสร้างด้วยไม้สักทอง แกะสลักลายไม้สักทองเขียนด้วยจิตรกรรมสีลายต่างๆ




โบราณสถานอายุกว่า 300 ปี โบราณสถานสำคัญภายในวัดบางไกรใน ได้แก่ อุโบสถ อุโบสถก่ออิฐฉาบปูนเรียบ มีมุขพาไลโครงสร้างไม้ทั้งหน้าและหลัง หน้าบันเป็นไม้สักฉลุลวดลาย บานประตูด้านหน้ามีภาพเขียนสีรูปทวารบาลถืออาวุธด้ามยาว ฉากหลังเขียนภาพช่อดอกพุดตานใบเทศ ภายในพระอุโบสถมีหลวงพ่อโต พระพุทธไกรรัตนนายกเป็นประธาน หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิปูนปั้นลงรักปิดทองได้รับความเสียหายจากกาลเวลาและความชื่นมากจนบางส่วนพุกร่อน ด้านข้างมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยหันหน้าไปทางผนังโบสถ์ ด้านหน้าหลวงพ่อโตมีพระสาวกยืนทั้งสองข้างได้รับความเสียหายมากถึงขนาดที่ถ้าหากว่าทางวัดไม่ใช้ไม้ยูคาค้ำยันเอาไว้พระสาวกทั้งสองคงล้มโค่นลงมาส่วนฐานของพระทุกองค์ได้รับความเสียหายประมาณ 90% นอกจากนี่ยัง มีศาลนายไกรทองบริเวณข้างๆโบสถ์เก่า เป็นศาลไม้ทรงไทยมีลายเขียนสีที่เพดานเป็นลายดอกไม้แต่ดูเลือนรางมากแล้ว




ภายในบริเวณวัดบางไกรในมี วิหารหลังเขียว (หลังเก่า) แต่วันที่ไปทางวัดปิดประตูลั้นดานใส่กุญแจไว้ไม่ได้เข้าไปชม ว่ากันว่ามีพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทองหรือหลวงพ่อแหนซึ่งตามประวัติเดิมหลวงพ่ออูถูกสร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ครั้งที่มาตั้งทัพไปรบเมืองราชบุรี หลวงพ่ออู่ทองเดิมย้ายมาจากวัดร้างและที่เรียกหลวงพ่อแหนเพราะว่าในการเชิญหลวงพ่อมาประดิษฐาน ณ วัดบางนายไกร หลวงพ่อแหนตกลงไปในคลองเมื่อนำขึ้นมาแหนก็ติดตามตัว จึงเรียกหลวงพ่อแหน โบราณสถานวัดบางไกรในต่อมากรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณวัดและยกให้เป็นโบราณสถานแห่งตำบลบางขุนกรองและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบางไกรใน  ด้านหน้าพระอุโบสถ์ยังมีหอระฆังเก่า  สร้างด้วยไท้ทั้งหลังเสาไม้ขนาดใหญ่ อีกอย่างหนึ่งที่วัดนี้ก็คือหอสวดมนต์เก่าเป็นอาคารไม้สักทองทั้งหลังซึ่งทางวัดได้ปิดตายเนื่องจากมีสภาพทรุดโทรมอย่างมากทั้งๆที่ทางวัดได้ดีดอาคารขึ้นสูงโดยด้านล่างเป็นอาคารก่ออิฐฉาปปูน





สุดท้ายนี้น่าเสียดายโบราณสถานและโบราณวัตถุที่วัดบางไกรในเป็นอย่างมากที่ได้รับความเสียหายจากมหาอุทกภัยในปี 2554 โดยไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาบูรณะอย่างทันที่ทันใด  โดยปล่อยให้ทางวัดต้องดิ้นรนหาทางป้องกันและบำรุงรักษาตามประสาและกำลังที่พอจะมีเพียงเล็กน้อยทั้งกำลังและงบประมาณและไม่แน่ใจว่าที่ทำมาตอนนี้ถูกต้อง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้เสียหายมากกว่านี้  เหมือนกับที่ผมเองยังหวั่นใจว่าต่อไปเราจะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลานชาวนนทบุรีได้ภาคภูมิใจกับบ้านเกิดของตนเองที่มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับชาติไทยมาช้านาน ออ...อันนี้สุดท้ายจริงๆหากเป็นไปได้อยากรบกวนคนบางกรวยอีกท่านคือพี่เจตน์ บางกรวยเป็นไกด์พาเที่ยววัดบางอ้อยช้างชมจิตรกรรมรอยพระพุทธบาทลายทองบนเพดานศาลา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น