วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป # ๒๘ (วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี)




วันนี้ขอกลับมาที่วัดถ้ำเสืออีกครั้ง ประวัติของวัดถ้ำเสือกันบ้างครับ วัดถ้ำเสือ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทย จากคำบอกเล่าต่อๆกันมา วัดถ้ำเสือแห่งนี้เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ อยู่ในถ้ำบนเขาซึ่งถือกำเนิดมากว่า 100 ปี แต่เดิมภายในถ้ำมีพระพุทะรูปศิลาแลงซึ่งชำรุดหักพังมากมาย มีผู้บอกกล่าวกันต่อๆมาว่าพระพุทธรูปเหล่านั้นเกิดการชำรุดเนื่องจากถูกทหารพม่าทำลายเมื่อครั้งที่ได้ยกทัพผ่านมา โดยใช้เส้นทางด่านพระเจดีย์ 3 องค์เป็นเส้นทางเดินทัพในปี พ.ศ.2516 ได้มีการวางแผ่นฤกษ์สร้างหลวงพ่อชินน์ประทานพร หรือ พระพุทธชินราช ประทับปางประทานพร ขนาดใหญ่สีทองอร่ามโดดเด่นเป็น1.50 เมตร ลึก 2.50 เมตร มีน้ำซึมตลอดเวลา ในปี พ.ศ.2516 ได้มีการวางแผ่นฤกษ์สร้างหลวงพ่อชินน์ประทานพร หรือ พระพุทธชินราช ประทับปางประทานพร ขนาดใหญ่สีทองอร่ามโดดเด่นเป็น1.50 เมตร ลึก 2.50 เมตร มีน้ำซึมตลอดเวลา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ.2520 และในปีเดียวกันก็ได้จัดสร้างพระอุโบสถอัฏมุข หรือพระอุโบสถ 8 มุข เป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตร ภายในพระอุโบสถมีภาพเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ สำหรับพระอุโบสถ 8 มุขนี้ไม่มีที่ใดสร้าง แต่ที่วัดถ้ำเสือสร้างขึ้นด้วยมโนภาพ ด้วยจิตสำนึกที่พระอรหันต์มาประชุมและกราบทูลพระพุทธเจ้าออกเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั้ง 8 ทิศ






ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2527 ได้สร้างพระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท สูง 75 เมตร ภายในโปร่งมี 9 ชั้น มีบันไดเวียนสำหรับขึ้นไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุด้านบนยอดสุดของพระเจดีย์ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในปราสาทจุฬามณีบรมสารีริกธาตุ ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ชั้นบนสุดของพระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท เมื่อ พ.ศ.2533 ที่ผ่านมา โดยหากว่าท่านขึ้นไปด้านบนซึ่งมีบันไดนาคให้เดินขึ้นไปถ้าคิดจะลองทดสอบสภาพร่างกายของตัวเอง แต่หากคิดว่าไม่ไหวทางวัดก็มีรถรางสลิงไว้บริการท่านละ 10บาทไว้คอยบริการอำนวยความสะดวก กระทู้นี้ขอจบแค่นี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น