วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป# ๓๓ วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร)



สวัสดีทุกท่านวันนี้ขุนอภัยภักดีกลับมารับใช้พระพุทธศาสนาอีกกระทู้ครับ แต่ช่วงนี้ สมช. หลายๆท่านยังคงต้องทนกับภาวะน้ำท่วมใหญ่อยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกับหลายๆท่านทุกสิ่งอย่างยังคงไม่เข้าที่เข้าทางน้ำก็ยังคงไม่แห้ง น้องจูนของผมยังคงต้องลุยน้ำในคู้บอนและซอยสยามธรณีเข้าบ้านและต้องจอดแช่น้ำทุกวันสงสารรถครับแต่เราก็ต้องปรับตัวอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าภาพที่นำมาลองนี้เป็นภาพเก่าที่ได้ถ่ายไว้ก่อนแล้วเรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าครับ วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง บ้านหมู่ที่ ๑๑ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง  มีเนื้อที่ตามหน้าโฉนดที่ตั้งวัด ๒๖ ไร่ ๓งาน ๕๐ ตารางวา (ที่ดินนอกวัดไม่มี)


ตามคำบอกเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้นเล่าสืบกันต่อกันมาว่ามีครอบครัวหนึ่งอยู่ในฐานะมั่นคงเป็นคหบดีมีคนเคารพนับถือ คือครอบครัวท่านขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อจ๋าย) เมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่กรรมแล้ว    ภรรยาทั้ง ๒ ของท่านขุนสมานจีนประชา  นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง  สืบสมาน(เพิ่มนคร ) พร้อมด้วย นางยี่สุ่น วิริยะพานิช (ผู้เป็นน้องสาว ต่อมาภายหลังได้สร้างพระปรางค์ขึ้นหน้าโบสถ์  ปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นอยู่) มีความศรัทธาคิดจะสร้างวัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สามีผู้ล่วงลับ   จึงได้ดำเนินการสร้างวัด ปรากฏตามหลักฐาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๒


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕)ทรงเสด็จทางชลมารค์ผ่านมา ได้ทรงแวะเยี่ยมวัด และได้มีชาวบ้านผู้หนึ่ง ชื่อ นายเหว่า  โพนสุวรรณ์ นำนกกวักเผือกถวาย ณ ที่วัดแห่งนี้ด้วย
เมื่อสร้างวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ตั้งชื่อวัดว่า  วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร เป็นวัดราษฎ์ คณะสงฆ์ปกครองวัดสมัยนั้นเป็นฝ่ายมหานิกาย  แต่ปกครองไม่นานนัก ผู้สร้างวัดได้ถวายพระในคณะธรรมยุตมี พระครูศิริปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโพ) เป็นประธานสงฆ์ในการรับถวายนี้ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า วัดใหม่ขุนสมานมาจนถึงทุกวันนี้


ตำแหน่งที่ตั้งของวัดสมานรัตนาราม อยู่ในตำแหน่ง "ฮวงจุ้ยมงคล"(ถุงเงินถุงทอง) วัดสมานรัตนารามเดิมทีไม่ค่อยมีคนรู้จักว่าอยู่แห่งหนตำบลไหน มีความสำคัญอย่างไร มีหมอดูท่านหนึ่งเคยดูไว้ว่าวัดแห่งนี้ทึมๆ ผู้คนไม่รู้จักแต่มีของดี ต่อมาได้มีพระหนุ่มองค์หนึ่งมาบวชที่วัดนี้ ท่านได้ปวารณาไว้ว่าจะพัฒนาวัดอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่านให้เจริญเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพื่อเผยแผ่สืบทอดพุทธศาสนา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เป็นเวลาสิบกว่าปีความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ได้ลั่นวาจาไว้ก็เป็นไปอย่างที่ราบรื่น วัดได้พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด เพราะท่านได้สละแรงกายแรงใจ และสติปัญญา เกินกว่าวัยของท่านมากยิ่งนัก ปัจจุบันวัดสมานรัตนาราม ไม่ได้รู้จัก เฉพาะในหมู่คนไทยในประเทศ แม้แต่ต่างประเทศทั่วโลกก็รู้จัก ผู้คนเดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วันละหลายหมื่นคน ยิ่งทำให้วัดพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงศรัทธาของพระหนุ่มองค์นั้น ท่านก็คือ พระครูธรรมธรไพรัตน์ ปัญญาธโร พระนักพัฒนาอันทรงคุณค่านั่นเอง
และนอกจากท่านพระครูจะพัฒนาวัดสมานฯแห่งนี้ให้เจริญทั้งเรื่องพระพุทธศาสนาแล้ว วัดแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไป ในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ คือ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ซึ่งเป็นปางนอนองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วัดสมานฯแห่งนี้เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา
พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข เป็นปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปางนอนนั้นมีความหมายว่า เป็นปางที่ ประทานความมีกินมีใช้ เงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ ขจัดปัญหา ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ เนื้อองค์มีสีชมพู รอบฐานมีปางต่างๆถึง 32 ปางให้ชม ภายใต้ฐานพระพิฆเนศ ได้เปิดให้ประชาชนสักการะกราบไหว้ และ ริมแม่น้ำมีศาลาที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศ ปางนอนและ มีพระพุทธรูป ให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะขอพร



ถ้านักท่องเที่ยวสังเกตุหน้าฐานพระพิฆเนศ จะเห็นปูนปั้นรูปหนู อยู่สองตัว ที่ยืนทำมือป้องหูไว้ ตามประวัติเล่าว่า พระพิฆเนศมีหนูเป็นบริวาร และในความเชื่อของผู้ที่เคารพและสักการะขอพรเป็นประจำ เชื่อว่า ถ้าอยากได้สิ่งใด ขอพรสิ่งใดให้สมหวัง ให้ไปกระซิบที่หูหนู แล้วหนูจำนำความไปบอกท่านพระพิฆเนศให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา และที่สำคัญอย่าลืมติดสินบนหนูด้วย โดยการทำบุญใส่ตู้ที่วางไว้ด้านหน้า.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่วัดสมานรัตนาราม  โทร  081-9830400 ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.sawasdee-padriew.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น