สวัสดีทุกท่านวันนี้ขุนอภัยภักดีกลับมารับใช้พระพุทธศาสนาอีกกระทู้ครับ แต่ช่วงนี้ สมช. หลายๆท่านยังคงต้องทนกับภาวะน้ำท่วมใหญ่อยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกับหลายๆท่านทุกสิ่งอย่างยังคงไม่เข้าที่เข้าทางน้ำก็ยังคงไม่แห้ง น้องจูนของผมยังคงต้องลุยน้ำในคู้บอนและซอยสยามธรณีเข้าบ้านและต้องจอดแช่น้ำทุกวันสงสารรถครับแต่เราก็ต้องปรับตัวอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าภาพที่นำมาลองนี้เป็นภาพเก่าที่ได้ถ่ายไว้ก่อนแล้วเรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าครับ วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง บ้านหมู่ที่ ๑๑ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง มีเนื้อที่ตามหน้าโฉนดที่ตั้งวัด ๒๖ ไร่ ๓งาน ๕๐ ตารางวา (ที่ดินนอกวัดไม่มี)
ตามคำบอกเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้นเล่าสืบกันต่อกันมาว่ามีครอบครัวหนึ่งอยู่ในฐานะมั่นคงเป็นคหบดีมีคนเคารพนับถือ คือครอบครัวท่านขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อจ๋าย) เมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่กรรมแล้ว ภรรยาทั้ง ๒ ของท่านขุนสมานจีนประชา นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน(เพิ่มนคร ) พร้อมด้วย นางยี่สุ่น วิริยะพานิช (ผู้เป็นน้องสาว ต่อมาภายหลังได้สร้างพระปรางค์ขึ้นหน้าโบสถ์ ปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นอยู่) มีความศรัทธาคิดจะสร้างวัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สามีผู้ล่วงลับ จึงได้ดำเนินการสร้างวัด ปรากฏตามหลักฐาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๒
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕)ทรงเสด็จทางชลมารค์ผ่านมา
ได้ทรงแวะเยี่ยมวัด และได้มีชาวบ้านผู้หนึ่ง ชื่อ นายเหว่า โพนสุวรรณ์ นำนกกวักเผือกถวาย ณ
ที่วัดแห่งนี้ด้วย
เมื่อสร้างวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จึงได้ตั้งชื่อวัดว่า
วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร เป็นวัดราษฎ์
คณะสงฆ์ปกครองวัดสมัยนั้นเป็นฝ่ายมหานิกาย
แต่ปกครองไม่นานนัก ผู้สร้างวัดได้ถวายพระในคณะธรรมยุตมี
พระครูศิริปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโพ) เป็นประธานสงฆ์ในการรับถวายนี้ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า
วัดใหม่ขุนสมานมาจนถึงทุกวันนี้
ตำแหน่งที่ตั้งของวัดสมานรัตนาราม
อยู่ในตำแหน่ง "ฮวงจุ้ยมงคล"(ถุงเงินถุงทอง)
วัดสมานรัตนารามเดิมทีไม่ค่อยมีคนรู้จักว่าอยู่แห่งหนตำบลไหน มีความสำคัญอย่างไร
มีหมอดูท่านหนึ่งเคยดูไว้ว่าวัดแห่งนี้ทึมๆ ผู้คนไม่รู้จักแต่มีของดี
ต่อมาได้มีพระหนุ่มองค์หนึ่งมาบวชที่วัดนี้
ท่านได้ปวารณาไว้ว่าจะพัฒนาวัดอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่านให้เจริญเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
เพื่อเผยแผ่สืบทอดพุทธศาสนา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นเวลาสิบกว่าปีความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ได้ลั่นวาจาไว้ก็เป็นไปอย่างที่ราบรื่น
วัดได้พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด เพราะท่านได้สละแรงกายแรงใจ และสติปัญญา
เกินกว่าวัยของท่านมากยิ่งนัก ปัจจุบันวัดสมานรัตนาราม ไม่ได้รู้จัก
เฉพาะในหมู่คนไทยในประเทศ แม้แต่ต่างประเทศทั่วโลกก็รู้จัก
ผู้คนเดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วันละหลายหมื่นคน
ยิ่งทำให้วัดพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงศรัทธาของพระหนุ่มองค์นั้น ท่านก็คือ
พระครูธรรมธรไพรัตน์ ปัญญาธโร พระนักพัฒนาอันทรงคุณค่านั่นเอง
และนอกจากท่านพระครูจะพัฒนาวัดสมานฯแห่งนี้ให้เจริญทั้งเรื่องพระพุทธศาสนาแล้ว
วัดแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไป
ในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ คือ
พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ซึ่งเป็นปางนอนองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วัดสมานฯแห่งนี้เป็นที่รู้จัก
และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา
พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข
เป็นปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปางนอนนั้นมีความหมายว่า
เป็นปางที่ ประทานความมีกินมีใช้ เงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ
ขจัดปัญหา ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ เนื้อองค์มีสีชมพู รอบฐานมีปางต่างๆถึง 32 ปางให้ชม ภายใต้ฐานพระพิฆเนศ ได้เปิดให้ประชาชนสักการะกราบไหว้ และ
ริมแม่น้ำมีศาลาที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศ ปางนอนและ มีพระพุทธรูป
ให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะขอพร
ถ้านักท่องเที่ยวสังเกตุหน้าฐานพระพิฆเนศ
จะเห็นปูนปั้นรูปหนู อยู่สองตัว ที่ยืนทำมือป้องหูไว้ ตามประวัติเล่าว่า
พระพิฆเนศมีหนูเป็นบริวาร และในความเชื่อของผู้ที่เคารพและสักการะขอพรเป็นประจำ
เชื่อว่า ถ้าอยากได้สิ่งใด ขอพรสิ่งใดให้สมหวัง ให้ไปกระซิบที่หูหนู
แล้วหนูจำนำความไปบอกท่านพระพิฆเนศให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา
และที่สำคัญอย่าลืมติดสินบนหนูด้วย โดยการทำบุญใส่ตู้ที่วางไว้ด้านหน้า.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่วัดสมานรัตนาราม โทร 081-9830400 ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.sawasdee-padriew.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น