สวัสดีสมาชิกทุกท่าน
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมขุนอภัยภักดีได้กลับมาทำหน้าที่เหมือนทุกๆครั้ง ที่จะนำทุกท่านมาเที่ยววัดวาอารามเพื่อดื่มด่ำกับจิตรกรรมฝาผนังที่บรรพบุรุษของเราได้สร้างสรรค์เอาไว้ให้เราคนรุ่นหลังที่มีจำนวนน้อยลงทุกวันได้ชื่นชม
ซึ่งผมเองเมื่อเข้ามาได้เห็นกับตาก็รู้สึกขนลุกขนพองกันภาพที่ทรงคุณค่าที่นี่
แต่ก็ไม่รู้ว่าลูกหลานของเราจะยังสนใจกับสิ่งที่ทรงคุณค่าเหล่านี้กี่คน
หรือจะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกลบเลือนไปตามกาลเวลาเหมือนกับครั้งที่เราต้องสูญเสียกรุงศรีอยุธยาเสียบ้านเสียเมืองให้กับข้าศึกพม่ารามัญจนทุกสิ่งทุกอย่างถูกทิ้งร้างที่ต่างกับสมัยนี้ที่เรายังมีเสรีภาพและบ้านเมืองแค่ตกเป็นทาสหลงไหลได้ปลื้มกับวัฒนธรรมต่างชาติ
อ้าว.....มาถึงตรงนี้พึ่งจะรู้ว่าบ่นมานาน เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
วันนี้จะพาชมจิตรกรรมฝาผนังที่วัดเขียน จ.อ่างทอง
วัดเขียนเป็นวัดเล็ก ๆ ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 50 บ้านคงกะพัน หมู่ที่ 8 ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง บนที่ราบลุ่มแม่น้ำน้อย มีหมู่บ้านและลำคลองโดยรอบบริเวณวัด เดิมถูกปล่อยร้างอยู่เป็นเวลานาน เมื่อมีผู้คนมาอาศัยอยู่มากขึ้นกลายเป็นชุมชน วัดแห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมของชุมชนในเวลาต่อมา เมื่อผมเลี้ยวรถเข้ามาภายในวัด ก็สัมผัสถึงความเงียบสงบได้ทันที มองไปรอบเห็นแค่เพียงคุณลุงสองท่าน และหลวงพ่ออยู่รูปหนึ่งจึงต้องรีบลงจากรถไปหาพระท่านเพื่อสอบถามว่าโบสถเปิดหรือไม่หลวงพ่อท่านจึงวานให้คุณลุงท่านไปเปิดประตูให้ ตัวพระอุโบสถภายนองเป็นของใหม่ที่สร้างครอบของเก่าอีกทีหนึ่ง
สำหรับคำว่า "วัดเขียน"
อาจสัญนิษฐานได้ 2 กรณีคือ กรณีแรก
เนื่องจากภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนที่สวยงามจึงเรียก วัดเขียน
ตามอย่างดบสถ์เขียนหรือวิหารเขียนที่วัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ตามแนวคิดของสมเด็จฯ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อีกกรณีหนึ่ง เดิมวัดนี้ชื่อ วัดเขียน อยู่แล้ว แต่เพื่อให้สมกับชื่อจึงมีการเขียนภาพไว้ในพระอุโบสถ
เนื่องจากไม่ปรากฎหลักฐานเกี่ยวกับการสร้างวัดแห่งนี้
จึงไม่สามารถกำหนดอายุที่แน่นอนได้ว่าสร้างเมื่อใด
แต่จากสภาพแวดล้อมและลักษณะของวัดบริเวณใกล้เคียง สันนิษฐานว่าวัดเขียนและวัดบริเวณใกล้เคียง
เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยเดียวกันและได้ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานก่อนจะมีการบูรณะขึ้นใหม่
แต่จากหลักฐานทางด้านโบราณคดีวัตถุสถานของวัดแห่งนี้ เช่น อุโบสถ ใบเสมา
เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง
ล้วนสนับสนุนการกำหนดอายุของวัดแห่งนี้ว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาทั้งสิ้น
ดังนั้นก็เป็นที่น่าเชื่อว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถก็เป็นภาพที่เขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายด้วยฝีมือช่างชั้นครูตระกูลช่างเมืองวิเศษไชยชาญ
เขียนตามประเพณีนิยมที่จะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานทศชาติชาดกศิลปะโบราณวัตถุสถานที่อื่นๆที่น่าสนใจภายในวัดเขียน
ได้แก่
อุโบสถ
อุโบสถหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อุโบสถหลังเดิมมีขนาดย่อมก่ออิฐถือปูน มีประตูทางเข้าทางเดียวทางด้านหน้าพระประธาน ส่วนด้านหลังพระประธานเป็นประตูหลอก ผนังด้านข้างมีหน้าต่างข้าละ 3 บาน เป็นหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 2 บาน ที่เหลืออีกด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างหลอก เสาภายในอาคารเป็นเสาเหลี่ยมติดผนัง บัวหัวเสาร์เป็นหัวกลีบยาวซึ่งเป็นลักษณะของบัวหัวเสาในสมัยอยุธยาตอนปลาย หน้าบันเป็นหน้าบันไม้ขนาดเล็กแกะสลักลวดลายเป็นลายเทพนมและลายกระจังรวน ในคราวที่มีการปฏิสังขรณ์อาคารใหม่หลังจากได้เคยถูกทิ้งร้างมาครั้งหนึ่ง หน้าบันทั้ง 2 ชิ้นได้ถูกรื้อลงและนำไปประกอบกับซุ้มประตูทางเข้าวัดด้านชลประทาน เครื่องบันหลังคาเป็นไม้ มุงด้วยกระเบื้องลอนสีน้ำตาลแดง มีชายคาปีกนกยื่นออกมา 2 ข้าง สลักลวดลายเช่นเดียวกับลายหน้าบัน ใบเสมาอุโบสถวัดเขียน อ่างทอง อยู่รอบพระอุโบสถ ยอดทรงมงกุฎ มีทับทรวง มีตาเสมา มีเอว มีท้องเสมา เป็นใบเสมาสมัยอยุธยาตอนปลาย เหมือนใบเสมาวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ อันเป็นของสมัยอยุธยาตอนปลาย
อุโบสถหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อุโบสถหลังเดิมมีขนาดย่อมก่ออิฐถือปูน มีประตูทางเข้าทางเดียวทางด้านหน้าพระประธาน ส่วนด้านหลังพระประธานเป็นประตูหลอก ผนังด้านข้างมีหน้าต่างข้าละ 3 บาน เป็นหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 2 บาน ที่เหลืออีกด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างหลอก เสาภายในอาคารเป็นเสาเหลี่ยมติดผนัง บัวหัวเสาร์เป็นหัวกลีบยาวซึ่งเป็นลักษณะของบัวหัวเสาในสมัยอยุธยาตอนปลาย หน้าบันเป็นหน้าบันไม้ขนาดเล็กแกะสลักลวดลายเป็นลายเทพนมและลายกระจังรวน ในคราวที่มีการปฏิสังขรณ์อาคารใหม่หลังจากได้เคยถูกทิ้งร้างมาครั้งหนึ่ง หน้าบันทั้ง 2 ชิ้นได้ถูกรื้อลงและนำไปประกอบกับซุ้มประตูทางเข้าวัดด้านชลประทาน เครื่องบันหลังคาเป็นไม้ มุงด้วยกระเบื้องลอนสีน้ำตาลแดง มีชายคาปีกนกยื่นออกมา 2 ข้าง สลักลวดลายเช่นเดียวกับลายหน้าบัน ใบเสมาอุโบสถวัดเขียน อ่างทอง อยู่รอบพระอุโบสถ ยอดทรงมงกุฎ มีทับทรวง มีตาเสมา มีเอว มีท้องเสมา เป็นใบเสมาสมัยอยุธยาตอนปลาย เหมือนใบเสมาวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ อันเป็นของสมัยอยุธยาตอนปลาย
เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง
(ต้องขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก)สมัยอยุธยาตอนปลาย
อยู่หน้าอุโบสถวัดเขียนทางด้านทิศตะวันออก (หน้าอุโบสถหันออกสู่แม่น้ำเป็นแบบแผนอยุธยาตอนปลายอย่างหนึ่งที่นิยมสร้างเจดีย์อยู่หน้าอุโบสถเช่นเดียวกับวัดพิไชยสงคราม
(วัดนอก) สมุทรปราการ วัดสามวิหาร อยุธยา วัดศรีโพธิ์ อยุธยา วัดพยาแมน อยุธยา)
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.bansansuk.com ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาและหวังว่าคงจะไม่น้อยลงและทิ้งให้ห้องนี้ต้องถูกทิ้งร้างเหมือนกับวัดวาอารามหลายแห่งที่ถูกมองข้ามขอบคุณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น