สวัสดีอีกครั้งหนึ่งครับ
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตผู้ดูแลห้องดอกไม้แดงทุกท่านในการตั้งกระทู้ครับ
และเหมือนๆกับทุกครั้งที่ตั้งกระทู้ในห้องนี้คือการพาสมาชิกชมวัดวาอารามที่ได้ไปมา
วันนี้ขอนำเสนอวัดช้าง ต.บ้านอิฐ อ.เมือง อ่างทอง
อันที่จริงแล้วตั้งใจไปวัดมธุรสติยาราม ส่วนวัดช้างนี้เป็นอีกวัดที่น่าสนใจ
วันนี้ขอนำเสนอวัดช้างก่อนแล้วกัน เรามาเที่ยววัดไปด้วยกันครับ
วัดช้างเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งแห่งเมืองวิเศษไชยชาญ หรือจังหวัดอ่างทองในปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชียช่วงทางแยกต่างระดับอ่างทองเลยทางแยกต่างระดับไปทางนครสวรรค์ประมาณ 300 เมตร ไม่ทราบประวัติและผู้สร้างแต่น่าจะวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลายมีอายุหลายร้อยปี สิ่งสำคัญของวัดช้างคือพระอุโบสถหลังเก่าที่มีอายุนับร้อยปีและใบเสมาหินทรายเก่าสมัยอยุธยา ตัวพระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสี่ห้องหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา ด้านหน้ามีชายคาพาไลยื่นออกมามีเสาปูนรองรับ ด้านหน้ามีช่องประตูเข้าออกสองช่อง ด้านข้างเจาะช่องหน้าต่างด้านละสองช่อง
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางสะดุ้งมารด้านข้างมีพระสาวกเบื้องซ้ายและขวา รอบๆมีพระพุทธรูปบริวารอีกห้าองค์ด้านขวามีพระพุทธรูปปางไสยาสน์หนึ่งองค์ นอกจากพระพุทธรูปในพระอุโบสถยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นมาใหม่เป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ ด้านหน้าพระประธานเขียนเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญตามธรรมเนียมปฏิบัติมีพระแม่ธรณีปีบมวยผมและเหล่าพญามาร ด้านนอกพระอุโบสถมีใบเสมาหินทรายว่ากันว่าใบใบเสมาสมัยอยุธยา แนวกำแพงพระอุโบสถเป็นแนวกำแพงก่ออิฐถือเป็นช่องรอบพระอุโบสถ
โดยรอบด้านหน้ามีเจดีย์เก่าขนาดเล็กชำรุดยอดเจดีย์หักพังไม่เหลือซากตรงฐานเจดีย์มีรอยเหมือนการเจาะน่าจะเกิดจากการขุดกรุ ด้านหลังยังมีเจดีย์อีกองค์สภาพชำรุดยอดหักพังฐานชำรุดเห็นก้อนอิฐที่เป็นโครงสร้างของเจดีย์แต่ก็มีสภาพดีกว่าองค์ด้านหน้า
วัดช้างเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งแห่งเมืองวิเศษไชยชาญ หรือจังหวัดอ่างทองในปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชียช่วงทางแยกต่างระดับอ่างทองเลยทางแยกต่างระดับไปทางนครสวรรค์ประมาณ 300 เมตร ไม่ทราบประวัติและผู้สร้างแต่น่าจะวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลายมีอายุหลายร้อยปี สิ่งสำคัญของวัดช้างคือพระอุโบสถหลังเก่าที่มีอายุนับร้อยปีและใบเสมาหินทรายเก่าสมัยอยุธยา ตัวพระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสี่ห้องหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา ด้านหน้ามีชายคาพาไลยื่นออกมามีเสาปูนรองรับ ด้านหน้ามีช่องประตูเข้าออกสองช่อง ด้านข้างเจาะช่องหน้าต่างด้านละสองช่อง
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางสะดุ้งมารด้านข้างมีพระสาวกเบื้องซ้ายและขวา รอบๆมีพระพุทธรูปบริวารอีกห้าองค์ด้านขวามีพระพุทธรูปปางไสยาสน์หนึ่งองค์ นอกจากพระพุทธรูปในพระอุโบสถยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นมาใหม่เป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ ด้านหน้าพระประธานเขียนเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญตามธรรมเนียมปฏิบัติมีพระแม่ธรณีปีบมวยผมและเหล่าพญามาร ด้านนอกพระอุโบสถมีใบเสมาหินทรายว่ากันว่าใบใบเสมาสมัยอยุธยา แนวกำแพงพระอุโบสถเป็นแนวกำแพงก่ออิฐถือเป็นช่องรอบพระอุโบสถ
โดยรอบด้านหน้ามีเจดีย์เก่าขนาดเล็กชำรุดยอดเจดีย์หักพังไม่เหลือซากตรงฐานเจดีย์มีรอยเหมือนการเจาะน่าจะเกิดจากการขุดกรุ ด้านหลังยังมีเจดีย์อีกองค์สภาพชำรุดยอดหักพังฐานชำรุดเห็นก้อนอิฐที่เป็นโครงสร้างของเจดีย์แต่ก็มีสภาพดีกว่าองค์ด้านหน้า
ข้อมูลเท่ที่ค้นพบบทความที่เกี่ยวข้องกับวัดช้าง ในประวัติศาสตร์ดังนี้พระราชมนู – วัดช้าง ประวัติศาสตร์ที่ต้องรู้
พระครูสุวัฒน์วรกิจ(สุพจน์
สุวจฺจโน ,ช่วงฉ่ำ)เจ้าอาวาสวัดช้าง ต.บ้านอิฐ
อ.เมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง กล่าวถึง “พระราชมนู” ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ วัดช้าง แห่งนี้ว่า
บันทึกประวัติศาสตร์อ่างทองในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระราชมนู หรือ
ออกญาพระสมุหกลาโหมเป็นทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเกิดและเสียชีวิตเมื่อใดไม่ปรากฏแน่ชัด
แต่ได้มีการกล่าวไว้ในพงศาวดารว่าพระราชมนูเป็นทหารที่เก่งกล้าและมีความสามารถนอกจากนั้นยังเป็นทหารคู่พระทัยของสมเด็จพระนเรศวรอีกด้วย
ซึ่งพระราชมนูมักออกศึกเคียงคู่พระนเรศวรในการตีเมืองต่างๆเสมอและสามารถชนะกลับมาได้เกือบทุกครั้งรวมถึงศึกยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่ายอีกด้วย
ภายหลังพระราชมนูได้รับการโปรดเกล้าจากสมเด็จพระนเรศวรให้เป็นออกญาพระสมุหกลาโหม
แต่ประวัติของพระราชมนูมีอยู่น้อยมากเพราะมีการกล่าวถึงในพงศาวดารไม่กี่เล่ม
แม้ว่าประวัติของพระราชมนูจะมีอยู่น้อยมากก็ตามแต่ก็ได้มีการเล่าต่อๆกันมาว่า
พระราชมนูเป็นสหายคนสนิทของสมเด็จพระนเรศวรในยามที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวไว้ว่าพระราชมนูมีชื่อเดิมว่าบุญและเป็นศิษย์ของพระมหาเถรคันฉ่องอีกด้วยทั้งยังกล่าวไว้ว่าพระราชมนูมักตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรไปเสมอและ
ยังช่วยสมเด็จพระนเรศวรทำศึกด้วยความกล้าหาญทำให้พระราชมนูเป็นที่พอพระทัยของสมเด็จพระนเรศวรอย่างมาก
จนได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาอัครมหาเสนาบดีที่สมุหกลาโหม
เมื่อเสร็จการศึกสงคราม
พระราชมนูได้มาผนวชที่วัดช้าง สร้างพระวิหารถวายสมเด็จพระนเรศวร เป็นทรงเรือสำเภา
ปัจจุบันมีการปรับปรุงส่วนขยายทุกด้านอกไปอย่างสวยงาม ที่พระอุโบสถ
มีใบเสมาหินทรายสมัยอยุธยาอยู่โดยรอบ
ที่วัดช้างแห่งนี้
มีสถูปของพระราชมนูอยู่บริเวณหลังพระวิหาร อีกด้วย
สำหรับผู้สนใจในการปฏิบัติกัมมฐาน
ขอเชิญได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีศีล เสริมสร้าง
สติ สมาธิ ส่งผลการปฏิบัตินี้เพื่อคนที่เคารพนับถือ และให้ตนเอง
ถือว่าเป้นชาวพุทธที่เข้าใจใน พุทธศาสนาโดยแท้ … หลีกไกลจาก
“โลภ โกรธ หลง” หรือ โลภะ โทสะ โมหะ …พร้อมใจรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมีสติ…
ข้อมูลส่วนนี้จากเวปสำนังงานประชาสัมพันธ์อ่างทอง
http://www.angthongnews.com/welcome/?p=21738
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น