วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป #๕๒ (วัดหัวคู้ บางเสาธง สมุทรปราการ )

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริป #๕๒ (วัดหัวคู้ บางเสาธง สมุทรปราการ )
สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้ รู้สึกว่าจะห่างหายจากหน้าที่นี้ไปนาน วันนี้จึงถือโอกาสพาชมวัดตามธรรมเนียมปฏิบัติครับ อันที่จึงวัดนี้สมาชิกเราเคยนำเสนอมาแล้วหนึ่งท่านคือท่านอาจารย์แมนยู แต่วันนี้มาชมวัดตามแบบของผมแล้วกัน ช่วงนี้ยุ่งๆอยู่ยังมีภาพและข้อมูลอีกหลายวัดที่ยังรอการลดขนาดและหาประวัติความเป็นมาเช่นวัดเขาแก้วฯ วัดสมุหฯวัดจันทบุรี ที่เสาไห้ สระบุรี วัดเขียน ที่อ่างทอง ยังไงผมจะทยอยนำมานำเสนอกับสมาชิกเรื่อยๆจนกว่าจะเบื่อกันไปข้างหนึ่ง แต่สำหรับวันนี้ขอนำเสนอวัดหัวคู้ก่อนนะครับเรามาเริ่มกันเลยแล้วกัน สำหรับ
ประวัติความเป็นมาเท่าที่ได้คุยกับคุณลุงท่านหนึ่งที่วัดและประวัติเท่าที่พอหามาได้
       

วัดหัวคู้  ตั้งอยู่เลขที่ ๓๖ ลาดกระบัง ๕๔ ซอยสุวรรณ ๕  ถนนอ่อนนุช  หมู่ที่ ๑  ตำบลศีรษะจรเข้น้อย  กิ่งอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๒๓  ไร่  ๑  งาน  ๕๖ ตารางวา  อาณาเขต  ทิศเหนือยาว  ๒๙๕  เมตร  ติดต่อกับคลองหัวตะเข้ หนองงูเห่า    ทิศใต้ยาว  ๓๐๗  เมตร  ติดต่อกับที่ดินเอกชน   ทิศตะวันออกยาว  ๒๖๐ เมตร  ติดต่อกับคลองจรเข้น้อย  ยาว ๓๖ เมตร  ติดต่อกับคลองหนองงูเห่า



พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่ตรงสามแยกของคลองหนองงูเห่ากับคลองจรเข้น้อย   มีซอยลาดกระบัง ๕๔  ซอยสุวรรณ ๕  ซึ่งแยกถนนอ่อนนุชเข้าถึงวัด ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่างๆ  ดังนี้  อุโบสถหลังเก่า  กว้าง ๘ เมตร  ยาว  ๓๐ เมตร  สร้างเมื่อ   พ.ศ. ๒๔๘๕  อุโบสถหลังใหม่ กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๘ เมตร  สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖   แล้วเสร็จ  พ.ศ. ๒๕๓๙  ศาลาฟังธรรม  ฌาปนสถาน  ศาลาบำเพ็ญกุศลศพ ๓ หลัง  เจดีย์สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖  ยังไม่แล้วเสร็จ  สำหรับ ปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปใหญ่ของจังหวัดสมุทรปราการ  คือ หลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา  หน้าตักกว้าง ๙.๑๙ เมตร  สูง ๑๓  เมตร  สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐  สร้างวิหารของหลวงพ่อเขียวสุโขพุทโธภควา  แล้วเสร็จ พ.ศ.  ๒๕๒๖  แทนองค์ที่ชำรุด
วัดหัวคู้   สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๙  ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง  ชาวบ้านเรียกว่า วัดคู้ หรือ วัดศีรษะคู้  การบูรณะพัฒนาวัดได้ดำเนินการอย่างจริงจัง  ทำให้วัดมีความเจริญมากยิ่งขึ้น  เริ่มตั้งแต่  พ.ศ.  ๒๕๒๒  วัดหัวคู้ได้รับพระราชทาน    วิสุงคามสีมาครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๔๒    ครั้งต่อมาเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๕  และครั้งปัจจุบันได้เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘  ในด้านการศึกษา  ได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๖  ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์  สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕  สร้างห้องสมุดโรงเรียนวัดหัวคู้   เทพื้น  ทำสนามอาคารเรียน สถานีอนามัยวัดหัวคู้  ศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์  ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔  ศูนย์พุทธมามกะ ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑
           
รายนามเจ้าอาวาส
รูปที่ ๑ พระอาจารย์อยู่
รูปที่ ๒ พระอาจารย์ยัง
รูปที่ ๓ พระอธิการฉุย  พ.ศ. ๒๔๐๙ ๒๔๔๔
รูปที่ ๔ พระอธิการแตงโม พ.ศ. ๒๔๔๕ ๒๔๖๔
รูปที่ ๕ พระอธิการพลอย พ.ศ. ๒๔๖๕ ๒๔๘๕
รูปที่ ๖ พระอธิการอ่อน พ.ศ. ๒๔๘๕ ๒๔๙๓
รูปที่ ๗ พระอธิการทิม พ.ศ. ๒๔๙๓ ๒๕๒๐
รูปที่ ๘ พระอธิการทอง พ.ศ. ๒๔๙๗ ๒๕๒๐    
รูปที่ ๙ พระครูไพศาลพัฒนโสภณ พ.ศ. ๒๕๒๐ ๒๕๓๙
รูปที่ ๑๐ พระครูบวรพัฒนโกศล พ.ศ. ๒๕๓๙  ถึงปัจจุบัน
ประวัติย่อๆ  ของพระเจ้าตากสินมหาราช   พอสังเขปว่าทำไมพระเจ้าตากสินจึงต้องเคลื่อนกองทัพมาพักที่บ้านหัวคู้ พระเจ้าตากสิน  ประสูติ  เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.  ๒๒๗๗  มีพระนามเดิมว่า  สิน  เป็นบุตรของ ขุนพัฒน์  และนางนกเอี้ยง  เมื่อทรงพระเยาวน์  เจ้าพระยาจักรีได้ขอเป็นบุตรบุญธรรม  เมื่ออายุ  ๑๓ ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเข้าถวายเป็นมหาดเล็ก  ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  และในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ได้รับกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก  ได้ช่วยราชการอยู่พระยาตาก  ครั้นพระยาตากถึงแก่กรรม  จึงได้พระกรุณาโปรดเกล้ากระหม่อมให้สืบทอดแทนพระยาตากในปี  พ.ศ. ๒๓๐๘ พระเจ้าตากได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เข้ามาช่วยสงครามในการรบ  เพื่อป้องกันพม่าในกรุงศรีอยุธยา และต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาวชิรปราการ (สิน)  ได้สำเร็จราชการในเมืองกำแพงเพชร  เมื่อพระยาวชิรปราการ (สิน)  เล็งเห็นว่าแม้จะอยู่ช่วยเหลือพระนครศรีอยุธยาก็คงไม่ก่อประโยชน์  ทำอย่างไรก็คงไม่พ้นน้ำมือพม่าของพม่า  จึงรวบรวมสมัครพักพวก  ได้ประมาณ ๕๐๐ คน  ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกไปทางทิศตะวันออก ตลอดระยะทางมีรี้พลเข้าร่วมเข้าร่วมมากจนเป็นกองทัพ  และเดินทัพผ่านทุ่งศรีกัน (ดอนเมืองปัจจุบัน) และผ่านหมู่บ้านหัวคู้ (สมัยนั้นเรียก)  พระองค์ทรงเห็นว่ามีทำเลเหมาะที่จะพักทัพเพราะมีแม่น้ำลำคลองล้อมรอบ  ยากที่ข้าศึกจะเข้าโจมตีได้  ในระหว่างพักทัพนั้น  พระองค์ได้สะสมเสบียงอาหารและรวบรวมไพร่พลเพิ่มมากขึ้น และพระองค์ได้เห็นเวลาสมควรแล้วที่จะยกทัพไปเมืองจันทบุรี  ก่อนจะเคลื่อนทัพพระองค์เล็งเห็นความสำคัญของสถานที่บ้านหัวคู้  ว่าเป็นพื้นที่แห่งนี้จะมีคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าพระองค์จึงตั้งจิตอธิษฐานว่าในภายภาคหน้าขอให้สถานที่บ้านหัวคู้นี้เป็นวัดในอนาคต  และพระองค์จึงมอบพระพุทธรูปโลหะ ๑ องค์  ไว้เป็นที่ระลึก ชาวบ้านหัวคู้เล็งเห็นว่า  พระพุทธรูปโลหะนี้มีค่ายิ่งใหญ่นัก  จึงได้สร้างพระพุทธรูปปูนสร้างครบองค์โลหะนี้เพื่อกันขโมยลัก  และตั้งไว้ในดินที่บ้านหัวคู้    ชื่อว่า หลวงพ่อเขียว  เพราะพระเจ้าตากสินได้ให้ทหารชื่อว่าเขียว  เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินต่างๆ ที่ฝัง
ภายหลังท่านหลวงพ่อบุญปลูกได้ปฏิสังขรณ์ และตั้งชื่อหลวงพ่อเขียวใหม่ว่า หลวงพ่อเขียว สุโข พุทโธ ภะคะวา”  เมื่อพระองค์ได้ให้ของเป็นที่ระลึกแล้ว พระองค์ก็ได้เคลื่อนทัพเมืองระยองมาเป็นพวก  จึงยกทัพไปตีเมืองจันทบุรี  ในครั้งนี้พระองค์ได้ตั้งใจเด็ดเดี่ยว  โดยสั่งนายทัพนายกองว่า ในค่ำคืนนี้  เมื่อกองทัพหุงข้าวเย็นกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งไพร่พลได้ทิ้งอาหารที่เหลือและต่อยหม้อเสียให้หมด  หวังไปกินข้าวเช้าที่เมืองจันทบุรี  ถ้าตีเมืองจันทบุรีในค่ำคืนนี้ไม่ได้ ก็จะได้ตายเสียพร้อมกันให้หมดทีเดียวเมื่อจัดการเมืองจันทบุรีเรียบร้อยแล้ว  ก็จัดการทัพบกทัพเรือไปเมืองตราดและยึดทรัพย์พร้อมสิ่งของเป็นจำนวนมาก จึงยกทัพกลับเมืองจันทบุรี  เมื่อเตรียมกำลังคนและสะสมเสบียงอาหารอาวุธ ยุทธภัณฑ์และต่อเรือรบได้ ๑๐๐ ลำ รวบรวมกำลังพลเพิ่มได้อีก  เป็นคนไทยและจีนประมาณ ๕,๐๐๐ คนเศษ  พอถึง เดือน ๑๑ พ.ศ. ๒๓๑๐  จึงได้เลื่อนทัพเรือออกทำการกอบกู้เอกราชกองทัพเรือเข้าปากแม่น้ำเจ้าพระยาในเดือน ๑๒  เมื่อตี เมืองธนบุรีสำเร็จ  แล้วจึงยกกองทัพเรือไปตีกรุงศรีอยุธยากลับคืนมาได้  และย้ายเมืองหลวงจากกรุงศรีอยุธยามายังกรุงธนบุรี โดยทำพิธีปราบดาภิเษก  เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๓๑๑  ทรงพระนามว่า พระเจ้ากรุงธนบุรี”  หรือ  สมเด็จพระเจ้าตากสิน”  ด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างแรงกล้า พร้อมด้วยความกล้าหาญอันเป็นอุปนิสัยของพระองค์  จึงทำให้พระองค์สามารถแผ่พระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง  เป็นพระบรมเดชานุภาพที่ครั่นคร้ามและเป็นที่เกรงขามของอริราชศัตรูทั่วไป  ด้วยพระราชประวัติล้ำเลิศนี้   คณะรัฐบาลและคณะประชาชน  ผู้รู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  จึงยกย่องและถวายพระเกียรติว่า มหาราช
         พระเจ้าตากยกทัพมาพักอยู่              บ้านหัวคู้ถิ่นฐานหมู่บ้านนี้
ก่อนจะยกทัพไปจันทบุรี                         ตำนานนี้เล่าขานกันต่อมา
ว่าก่อนจากท่านได้ฝากซึ่งทรัพย์สิน                 อยู่ในดินฝังไว้มากหนักหนา
อีกอย่างหนึ่งนั้นคือพระบูชา                      กล่าวกันว่าพระนั้นเป็น ทองคำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น