วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริปที่ # ๗๙ ไหว้พระขอพรเมืองระยอง (เยือนถิ่นนิลมังกร-2)วัดบ้านเก่า บ้านค่าย ระยอง

สวัสดีสมาชิกทุกๆท่านวันนี้ขอกลับมาทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนต่อจากกระทู้ที่แล้ว กระทู้ที่ ๗๘ จากทริปที่เดินทางไปไหว้พระที่ระยองวัดนี้เป็นวัดที่สองต่อจากที่ไปไหว้ขอพรพระป่าเลไลยก์วัดเกาะอรัญญิกาวาส ออกจากวัดอรัญฯเข้าสู่ถนนหมายเลข 3138 กลับรถแล้วเลี้ยซ้ายเข้าซอยปากทางมีซุ้มประตูวัดบ้านเก่าใช้เส้นทางนี้ระยะทางประมาณ 2 กิโลก่อนข้ามสะพานคลองใหญ่ด้านขวามือเราจะพบป้ายวัดบ้านเก่า ท่านกวีสุนทรภู่ได้กว่าถึงที่นี่ในนิราศเมืองแกลงเป็นนิราศเรื่องแรกของเขาที่ได้แต่งขึ้นในปี พ.ศ. 2349 มีใจความกล่าวถึงการเดินทางโดยเรือเพื่อไปยังเมืองแกลง โดยมีศิษย์ 2 คนร่วมโดยสารไปด้วยกัน คือ น้อยกับพุ่ม และมีผู้นำทางชื่อนายแสง แต่เมื่อถึงที่บ้านเก่านี้นายแสงกลับทิ้งคณะของสุนทรภู่ให้เดินทางต่อเพียงสามคนเท่านั้นจากนิราศเมืองแกลงกับบทที่ว่า
แวะเข้าย่านบ้านเก่าค่อยเบาใจ              เขาจุดไต้ต้อนรับให้หลับนอน
ฝ่ายนายแสงถึงตำแหน่งสำนักน้อง       เขายิ้มย่องชมหลานคลานสลอน
พี่ว้าเหว่เอกาอนาทร                ด้วยจะจรต่อไปเป็นหลายคืน
ครั้นรุ่งเช้าเท้าบวมทั้งสองข้าง          จะย่องย่างสุดแรงจะแข็งขืน
อยู่ระยองสองวันสู้กลั้นกลืน            ค่อยแช่มชื่นชวนกันว่าจะคลาไคล
นายแสงหนีลี้หลบไม่พบเห็น            โอ้แสนเข็ญคิดน่าน้ำตาไหล



และตามประวัติเดิมชื่อวัดบ้านเก่าทองทารามเป็นวัดแรกของจังหวัดระยอง สร้างขึ้นสมัยสุโขทัยครั้งขอมยังมีอำนาจ มีพระผู้ใหญ่เล่าว่าถูกพวกขอมรุกราน พระสงฆ์จึงอพยพหนีไปอยู่จังหวัดนครราชสีมา วัดจึงถูกทิ้งร้าง ต่อมามีผู้กลับมาบูรณะวัดใหม่ เรียกกันในสมัยนั้นว่า วัดน้ำวงเวียนตะเคียนเจ็ดต้น เจ้าอาวาสองค์แรกซึ่งเป็นผู้มาบูรณะวัดคือท่านพ่อครุฑ





ลักษณะทั่วไปพระอุโบสถหลังเก่าก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ลดมุข ๒ ชั้น มีช่อฟ้าใบระกา และหางหงส์ทำด้วยไม้ ปัจจุบันชำรุดทรุดโทรมมาก ทางวัดได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ส่วนหลังเก่าถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อันใดและไม่มีการบูรณะใดๆ อุโบสถถูกทิ้งร้างอย่างขาดการดูแลและละเลยจากภาครัฐปล่อยให้พุพังอย่าน่าเสียดาย ภายในอุโบสถมีพระประธานปูนปั้นและพระสาวกซ้ายขวา ตรงกลางน่าจะปั้นเป็นพระศรีอริยเมตไตรย


หลักฐานที่พบจากการขุดพื้นพระอุโบสถหลังเก่าเพื่อทำใหม่ พบว่าใช้ศิลาแลงทำฐานราก ทั้งยังได้พบแหวนเงิน ทอง เงินพดด้วง กระปุกขนาดเล็ก ลูกปัด ฯลฯ และได้พบพัทธสีมาหินแกรนิต หินทรายแดงรวมอยู่ด้วย
ด้านหลังพระอุโบสถเป็นเจดีย์ฐานสิงห์สี่เหลี่ยม สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๑๒๗ เมื่อครั้งยอดเจดีย์พังลงมา ได้พบพระทองคำ และตะลุกพุกภายในเจดีย์ตอนนี้เหลือเพียงฐานก้อนฮิฐเท่านั้นแต่ก็ยังเหลือเค้าโครง





หอไตรกลางน้ำ เป็นเรือนไม้ทรงไทยไม่มีฝากั้นหลังคาเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้องดินเผา สร้างไว้กลางสระน้ำมีเสา 20 ต้น 4 แถวๆละ 5 ต้น ตรงหน้าบันจำหลักเป็นลายเทพพนมปัจจุบันชำรุดไปมากแต่ยังพอเห็นเค้าโครงของความสวยงามอยู่ เชื่อว่าน่าจะสร้างราวเมื่อปี พ.ศ.๒๑๑๕(ข้อมูลบางส่วนจาก http://www.prapayneethai.com)

สุดท้ายของกระทู้นี้ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งสำหรับสมาชิกทุกท่านที่ติดตามอ่านกระทู้ของผมตลอดมาแม้ว่าหลายท่านแค่ผ่านมาอ่านแล้วจากไปบางท่านก็เข้ามาอ่านและตอบกระทู้เป็นกำลังใจ ขอบคุณทุกท่านหากไม่เป็นการรบกวนกรุณาตอบกระทู้เพื่อแนะนำเพื่อการปรับปรุงกระทู้ต่อไป...........ขอบน้ำใจสหายทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น