วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริปที่ # ๗๗ วัดเสาธงหิน นนทบุรี

สวัสดีสมาชิกทุกๆท่านวันนี้ขอย้อนกลับมาเมืองนนท์อีกครั้งหลังจากได้มาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม สำหรับผมที่นี่นอกจากมิตรสหายชาวบางกรวยนนทบุรีแล้วยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ และมีมนต์เสน่ห์ของเมืองนนท์ก็ยังนำพาผมกลับมาที่นี่ สำหรับผมเหตุผลและปัจจัยที่มาที่นี่เพราะว่าที่นี่มีวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยาตอนปลายและรัตนโกสินทร์ตอนต้นมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ความงอดงามทรงคุณค่าที่กำลังเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดายจากการขาดการดูแลอย่างเอาใจใส่ อีกปัจจัยหนึ่งนั้นคือด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพการเดินทางสะดวกซึ่งสมัยก่อนท่านกวีสุนทรภู่ก็ใช้เส้นทางนี้จะพบได้บ่อยในบทกวีและนิราศหลายๆตอนของท่าน นอกจากท่านสุนทรภู่แล้วที่นี่ยังเป็นเส้นทางของพระเจ้ากรุงธนบุรีอีกด้วย

วันนี้ขอพาสมาชิกมาเที่ยววัดเสาธงหินเดิมชื่อวัดสักตามทำเลที่ตั้งของวัด วัดนี้จากประวัติก็อยู่ใน     เส้นทางเดินทัพของพระเจ้าตากด้วยส่วนประวัติของหลวงพ่อโตตามคำบอกเล่าว่า ท่านเป็นโอรสของพระเจ้าแผ่นดินในสมัยอยุธยาตอนกลางสมัยเด็กๆเป็นคนขี้โรดพ่อและแม่จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่าโตและได้นำไปวัดอยู่เป็นนิจเพื่อตั้งใจจะให้มีจิตใจเอนเอียงไปทางพระพุทธศาสนา เมืออายุครบบวชก็ได้ร่ำเรียนวิชาจนแก่กล้าจึงได้ขอพระอาจารย์ออกเดินธุดงค์ มาทางสุพรรณบุรีและได้มาพำนักอยู่ใกล้กับวัดป่าเลไลย์ที่สุพรรณและเกิดเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลย์


เมื่อกลับมายังสำนักเดิมก็ได้กราบลาพระอาจารย์ออกเดินทางต่อมาทางใต้ที่นนทบุรีจนพบทำเลที่เหมาะสมด้วยสัปปายะดีสี่ประการ(หมายถึงปัจจัยภายนอกตามตำตานว่ามีอาหารดี,บุคคลดี,เสนาสนะดี,ธรรมดี)เต็มไปด้วยไม้สักใหญ่น้อยท่านจึงให้ชาวบ้านที่ศรัทธาร่วมกันโค่นต้นสักต้นหนึ่งทำเป็นเสาสี่เหลี่ยมมีช่องลิ้นชักแล้วจึงทำตะกรุดขึ้นมาสามดอกประกอบด้วยทองนากเงินเรียกว่าตะกรุดสามกษัตริย์ให้ช่างเอาปูนพอกลงมือปั้นหลวงพ่อโตทับด้วนมีท่านเองจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นท่านได้ไปนิมนต์พระอาจารย์ของท่านพระพระอาจารย์อีกหลายรูปเพื่อแผ่พลังจิตลงไปในพระพุทธรูปหลายวันหลายคืนเพื่อเป็นพุทธบูชา ส่วนตัวท่านเองก็หยุดธุดงค์และจำพรรษาอยู่ที่นี่ตลอดมา
สำหรับตำนานพระเจ้าตากนั้นว่ากันว่าสมัยที่พระเจ้าตากรวบรวมไพร่พลเพื่อกู้ชาตินั้นเคยแวะพักกองทัพที่นี่เนื่องจากเป็นชัยภูมิที่ดีและร่มรื่นด้วยป่าสัก แล้วจึงให้หัวหมู่นายกองปักธงกองทัพลงบนกองทราย ณ.ตำบลแห่งนี้แล้วนำก้อนหินก้อนใหญ่มาวางทับไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการรวบรวมไพรพล ชาวบ้านจึงเรียบที่นี่กันติดปากมาตลอดว่าเสาธงหินจนตราบปัจจุบัน

เป็นอันจบเรื่องวัดเสาธงหินเพียงเท่านี้ ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ติดตามอ่านกระทู้จนจบหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงมีประโยชน์และเป็นแรงจูงใจให้สมาชิกเข้าวัดทำบุญทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อๆไปตราบนานเท่านาน ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น