เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริปที่ # ๘๕ วัดเขาพระศรสรรเพชญาราม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
วัดเขาพระศรีสรรเพชญารามมีประวัติว่าเดิมทีวัดนี้ชื่อว่าวัดเขาพระปัจจุบันเรียกว่า
วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง
จ.สุพรรณบุรี
ตามหลักฐานวัดเขาพระศรีสรรเพชญารามเป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยทวารวดีวัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขาย่อมๆ
มีพระเครื่อง พระพิรอด พระถ้ำเสือ พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูป รูปฤาษีเป็นแบบพิมพ์สมัยทวารวดี
เป็นหลักฐานในปีพ.ศ. 2481 ขุนสุพรรณธานี
มาดูแลจัดงานปีละครั้งต่อมาจัดปีละ 2 ครั้ง กลางเดือน 5 และกลางเดือน 12 พ.ศ. 2521
ได้รับอนุมัติจากกรมศาสนาเป็นวัดพัฒนาดีเด่น
ประวัติหลวงพ่อสังฆ์ หลวงพ่อศรีสรรเพชญ์ เดิมหลวงพ่อสถิตอยู่วัดศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเผา วิญญาณหลวงพ่อล่องลอยมาถึงบริเวณวัดเขาพระนี้สงบร่มเย็น เห็นพระนอนไม่มีวิญญาณสถิต ก็เลยลงประทับที่วัดเขาพระ (คนทรง)
ปี พ.ศ. 2506 ทางวัดได้ร่วมกับสร้างมณฑปบนยอดเขา1 หลัง และสร้างกุฏิเสริมเหล็กอีก 1 หลัง
รอยพระพุทธบาท เป็นหินทรายสลักลวดลายมงคล
108 ประการ ในกรอบวงกลม นักวิชาการส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า เป็นรอยพระพุทธบาท
ศิลปะสมัยทวารวดีตอนปลายที่ ได้รับอิทธิพลศิลปะขอม อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-
17 การสร้างรอยพระบาทในประเทศไทย
เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้านล่างที่เชิงเขามีศาลเจ้าพ่อจักรนารายณ์(พระวิษณุ)สร้างจากหิน
ขนาดกว้าง 97 เซนติเมตร สูง 175
เซนติเมตร แผ่นหินสลักนูนสูง เป็นรูปทิพยบุคคลมี 4
กรพระหัตถ์ขวาบนถือจักร
พระหัตถ์ขวาล่างถือตรีศูลพระหัตถ์ซ้ายบนไม่ทราบแน่ชัดว่าถือสิ่งใด
ส่วนพระหัตถ์ซ้ายล่างถือคฑา อายุสมัยประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 – 14
เจดีย์หมายเลข 9 เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวกว้างด้านละ 8 เมตร ส่วนบนเป็นองค์ระฆังสมัยทวารวดี เป็นการก่อสร้างเจดีย์สมัยอยุธยา ซ้อนทับบนโบราณสถานสมัยทวารวดี พบพระพิมพ์ดินเผาปางแสดงธรรมด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้างประทับยืนภายในซุ้มจำนวน 2 องค์
ด้านหน้าองค์เจดีย์ยังมีระฆังหินโบราณแขวนอยู่ด้วย
วันเขาพระนี้ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมดังขุนแผน
เมืองสุพรรณตอนหนึ่งที่ถ้ำขุนแผนดินแดนกลิ่นไอรักขุนแผนได้พานางวันทองหนีอาญาแผ่นดินท่องเที่ยวอยู่ในป่า
มาถึงบริเวณเขาถ้ำพระ พักค้างแรมอยู่ที่นี่ ดังคำกลอนที่ปรากฏในเนื้อหาดังต่อไปนี้
ถึงเขาพระที่เคยเข้ามาไหว้ พระศุกร์นี่กระไงดังหิ่งห้อย
ชี้บอกวันทองน้องน้อย พระจันทร์ฉายบ่ายคล้อยลงฉับพลัน
รื่นรื่นชื่นรสเสาวคนธ์ ปนกับกลิ่นแก้มเกษมสันต์
หอมกลิ่นบุปผาสารพัน พระจันทร์ดั้นหมอกออกแดงดวง
ส่องต้องบุปผาชาดสะอาดช่อ อ่อนลออเกสรขจรร่วง
น่ารักโกสุมเป็นพุ่มพวง โน้มหน่วงกิ่งเก็บให้วันทอง
พอสว่างกวีได้พรรณนาให้เห็นภาพธรรมชาติของสัตว์ป่า ฝูงลิงค่างบ่างชะนีต่าง ๆ ซึ่งที่นี่สมัยก่อนที่นี้คงจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และสิงสาราสัตว์มากมายต่างจากสมัยนี้ที่เขาพระไม่มีลิงหรือสัตว์ป่าสักตัว สำหรับวันนี้ขอจบกระทู้แค่นี้ครับวันหน้าหากมีเวลาจะพาสมาชิกเข้าวัดอีกครับหากยังมีคนสนใจเข้ามาชมกระทู้
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://suphanburi.mots.go.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น