สวัสดีสมาชิกทุกๆท่านในครั้งนี้เอาภาพเก่าครั้งเดินทางกับสถานธรรมโพธิสัตว์โต สถานปฏิบัติธรรมสวดมนต์ในหมู่บ้าน ทริปนี้ออกเดินทางจากกรุงเทพตอนเที่ยงคืนถึงจันทบุรีประมาณตีสามนอนพักเอาแรงก่อนหนึ่งวันเพราะต้องเดินทางทั้งวันและเพื่อรอขบวนใหญ่ที่มาด้วยขบวนรถบัส
11
คัน เราเริ่มพิธีการวัดแรกที่วัดแสลงลองชมบรรยากาศกันครับ
วัดแสลงเป็นวัดเก่าเท่าที่สังเกตดูจากโบสถ์หลังเก่าที่น่าจะมีอายุนับร้อยปีเท่าที่ดูจากสายตา ทริปนี้อาจจะไม่มีรายละเอียดมากเนื่องการวัดแต่ละวัดที่ไปมีเวลาไม่มากเพราะจำนวนสมาชิกที่ร่วมเดินทางด้วยในครั้งนี้มีจำนวนมากและต้องทำเวลาเพื่อที่จะได้ไปได้ครบทุกวัดที่กำหนดไว้ จึงไม่มีเวลาที่จะสอบถามรายละเอียดได้มากกว่านี้ เราจึงมาชมภาพบรรยากาศการทำบุญและบรรยากาศโดยรอบวัดกันดีกล่าว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจถวายเทียนพรรษาและผ้าป่าแล้วขบวนของเราก็ออกเดินทางต่อไปที่วัดท่าหลวงบนกันครับ
เมื่อขบวนเราเดินทางมาถึงที่วัดท่าหลวงบน
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมปัจจัยที่จะทำกองผ้าป่า
เทียนพรรษาและเครื่องสังฆทานที่จะนำมาถวายวัดแต่ละวัดทุกคนต่างก็ช่วยกันคนละไม้คนและมือทำให้สิ่งของต่างๆที่เราดูว่าเยอะก็แล้วเสร็จในพริบตาพร้อมที่จะนำถวายแด่พระสงฆ์
สำหรับที่วัดนี้ขบวนของเรามีการมอบทุนการศึกษาและจักรยานและอุปกรณ์การเรียนการกีฬาให้กับเด็กนักเรียน
โดยทุนการศึกษาได้มาจากสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้แต่ละท่านก็ได้มอบให้กับนักเรียนที่นั้นเอง
หลังจากกิจกรรมที่วัดที่สองเรียบร้อยขบวนของเราก็ออกเดินทางต่อไปยังวัดที่สาม
วัดที่สามวัดบางจะอ้ายที่นี้ผมเดินทางถึงวัดก่อนขบวนใหญ่จึงมีเวลาพูดคุยกับชาวบ้านที่มารอต้อนรับขบวนของเรา
คุณลุงบุตรชน บุญเรืองเล่าให้ฟังว่าที่วัดนี้มีอดีตเจ้าอาวาสที่ชาวบ้านให้ความเคารพมากๆคือหลวงพ่อหริ่ง
ลุงบุตรชนเล่าว่าเดิมทีเดียววัดนี้มีศาลาไม้หลังใหญ่ซึ่งน่าจะสร้างมานานแล้วเพราะว่าลูกเกิดมาก็เห็นศาลาหลังเก่านี้แล้วแต่ด้วยศาลาผ่านกาลเวลามานานจึงทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเช่นกันทางวัดจึงได้สร้างศาลาหลังใหม่ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันขึ้นมาทดแทนราวปี
พ.ศ.๒๕๐๐
ที่บนศาลาหลังใหม่ยังมีรูปเหมือนหลวงพ่อหริ่งซึ่งปั้นไว้นานแล้ว และภายในรูปเหมือนนี่ยังบรรจุอัฐิของหลวงพ่อหริ่งตรงหน้าอก สำหรับหลวงพ่อหริ่งนี้ไม่มีใครทราบประวิติที่แน่ชัดลุงบุตรชนเล่าให้ฟังว่าจากคำบอกเล่าท่านเป็นพระในสมัยสงครามโลกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านรักษาโรคด้วยสมุนไพรและโรคกระดูก และความศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านละแวกนี้ให้ความเคารพนับถือและบนบานกับหลวงพ่อคือเรื่องการรับราชการและการบนบานขอเลื่อนยศตำแหน่ง เมื่อได้ดังประสงค์แล้วก็จะนำดอกไม่พวงมาลัยมาแก้บนกับหลวงพ่อ
อีกอย่างที่วัดนี้คือศาลาท่าน้ำริมแม่น้ำจันทบุรีซึ่งสมัยก่อนการสัญจรของชาวบ้านจะใช้ท่าน้ำเป็นหลักท่าน้ำที่วัดบางจะอ้ายจึงมีความสำคัญมากในสมัยนั้น ศาลาท่าน้ำหน้าวัดมีบันใดปูนทอดยาวลงไปยังแม่น้ำจันทบุรีมีราวบันไดปูนปั้นเป็นรูปพญานาค แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการบูรณะจากทางราชการปล่อยให้เรื่องราวและสิ่งทรงคุณค่าถูกกาลเวลากลืนให้เลือนหายไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น