วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี ทริปที่ # ๘๖ หลวงพ่อขาว วัดลาดกระบัง กรุงเทพ

สวัสดีสมาชิกทุกๆท่านวันนี้ขอพาสมาชิกทั้งหลายไปไหว้หลวงพ่อขาวพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านย่านลาดกระบังคลองสาม ที่วัดลาดกระบัง
     ประวัติวัดลาดกระบัง หรือที่ชาวบ้านย่านตลาดเรียกกันติดปากว่า”วัดสาม” เนื่องจากว่าวัดนี้อยู่ในละแวกคลองสาม วัดสามตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของปากคลองสาม ตรงข้ามกับปากคลองลาดกระบัง ในหมู่ที่ ๔ ของแขวงและเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๒๔ หรือเมื่อประมาณ ๙๗ ล่วงมาแล้วดินแดนถิ่นนี้บริเวณวัดลาดกระบังเป็นทุ่งนากว้างขวางสุดหูสุดตายังไม่มีคลองประเวศบุรีรมย์ พื้นดินส่วนใหญ่บริเวณนี้เป็นของนายน้อย นางอ่วม หรือที่ชาวบ้านย่านตลาดคุ้นเคยเรียกว่าตาน้อยเป็นคนมีฐานะดีมีภูมิลำเนาอยู่อำเภอบางพลี สมุทรปราการ ตาน้อยเคยรับราชการเป็นทหารเรืออยู่จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น”หมื่นราษฏร์ฯ” ต่อมาภายหลังชาวบ้านเรียกว่า ตาน้อยหมื่นราษฏร์ ตาน้อยมีบุตรธิดารวม ๙ คน เป็นบุตรชาย ๓ คน บุตรธิดา ๖ คน เมื่อถึงฤดูทำนาตาน้อยจะไล่ให้ลูกชายและลูกสาวออกจากบางพลีเพื่อให้ไปทำนาที่ลาดกระบัง เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวหลังเสร็จนาแล้วลูกชายและลูกสาวตาน้อยจะลำเลียงข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ไปบางพลีตามลำราง หรือทางน้ำเล็กๆ ที่ขุดขึ้นมาเพื่อการชักน้ำจากคลองเข้านา หรือระบายน้ำออกจากนา ลำรางนี้ทอดยาวจากลาดกระบังจนถึงบางพลี ซึ่งปัจจุบันนี้คือคลองลาดกระบัง
    
     


ตาน้อยหมื่นราษฏร์ เป็นผู้ที่มีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากและเห็นว่าที่ดินบริเวณลาดกระบังลูกชายลูกสาวและเขยสะใภ้มาตั้งรกรากอยู่นั้นยังไม่มีวัดวาและพระสงฆ์ที่จะได้ทำบุญตักบาตร จึงได้จักชวนบุตรธิดามาช่วยกันสร้างวัดเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญในวันตรุษสงกรานต์และทำบุญตามประเพณีหากมีวัดใกล้ๆที่พักอาศัย จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลไปทำบุญตักบาตรที่วัดในอำเภอบางพลีที่อยู่เดิมอันมีระยะทางไกลยากแก่การเดินทาง
    



นายอิ่มลูกเขยคนที่สามของตาน้อยหมื่นราษฏร์มีความสนใจและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากกว่าคนอื่นๆจึงได้รวบรวมเสาไม้ ไม้กระดานและอุปกรณ์ก่อสร้างจากชาวบ้านย่านตลาดที่มีจิตใจเลื่อมใส เรี่ยไรจากพี่น้องบ้างชาวบ้านบ้างมาสร้งเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๔ แล้วไปนิมนต์หลวงพ่อสาย ต่อมาได้เป็น”พระครูเมตตาวิหารี” จากวัดแก้วฟ้าที่ปากกลัด อำเภอพระปะแดง จังหวัดสมุทรปราการมาจำวัดที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นองค์แรก โดยมีนายจ่าง พูนพิพัฒน์ เป็นธุระในการสร้างถาวรวัตถุปูชนียสถานไว้ในวัดลาดกระบังไว้หลายสิ่งหลายอย่างเช่น ได้สร้างกุฏิหลังใหญ่ไว้ ๑ หลัง สร้างธรรมาศน์ขนาดใหญ่ไว้ ๑ ธรรมาศน์ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้มีการริเริ่มสร้างวิหารคดไว้ ๗ คูหาและยังถวายที่ดินไว้เป็นธรณีสงฆ์เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ จำนวน ๕๗ ไร่ และถวายเพิ่มอีก ๒๘ ไร่ในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ด้วยปรารถนาที่จะให้วัดได้มีผลประโยชน์เพื่อนำรายได้มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป จึงนับได้ว่านายจ่าง พูนพิพัฒน์เป็นอีกผู้หนึ่งที่ร่วมกันสร้างวัดลาดกระบัง
    







ข้อยืนยันที่จะนำมาอ้างอิงว่าวัดลาดกระบังสร้างมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๔ ว่า นายจ่าง พูนพิพัฒน์ ลูกเขยคนที่ ๕ ของตาน้อยหมื่นราษฎรฯ เกิดวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๔๐๑ อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ตรงกับ พ.ศ.๒๔๒๑ ณ พัทธสีมาวัดเงิน บางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี ในสมัยนั้นบวชอยู่สองปีพระยามหาราชโยธาสร้างวัดขึ้นที่บางกะปิชื่อวัดราชโยธา ซึ่งได้นิมนต์พระจ่างให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดราชโยธา ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีวัดลาดกระบัง นายจ่างแจ้งว่ามาอยู่ที่วัดราชโยธา ๒ ปีคือในปี พ.ศ.๒๔๒๔ ได้เดินทางมาเยี่ยมลูกๆหลานๆตาน้อยหมื่นราษฎร์ฯที่ลาดกระบังเพราะรู้จักมักคุ้นกันดีตั้งแต่สมัยที่อยู่บางพลี จึงเห็นว่ามีคนกำลังก่อสร้างสำนักสงฆ์ที่ลาดกระบังซึ่งก็คือวัดบาดกระบังในสมัยนี้จึงทำให้เชื่อได้ว่าวัดลาดกระบังได้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๒๔ หลังจากที่พระจ่างได้สึกจากความเป็นพระก็ได้เข้ารับราชการเนทหารเรือ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น”หมื่นยุทธศาสตรา” เมื่อปลดประจำการเป็นกองหนุนจึงได้แต่งงานกับนางสาวหน่อยซึ่งเป็นบุตรีคนที่ ๕ ของตาน้อยหมื่นราษฎร์ฯ แล้วได้อพยพครอบครัวมาตั้งรกรากที่ลาดกระบัง นี้คือประวัติของวัดลาดกระบังที่ได้รับการบอกเล่าต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเท่าที่ค้นมาได้ ส่วนลำดับจ้าอาวาสที่วัดลาดกระบังมีดังนี้
๑.พระครูเมตตาวิหารี (หลวงพ่อสาย)
๒.พระครูศิลาภิรัต (หลวงพ่อทอง)
๓.พระครูศีลสุทธิ (หลวงพ่อสนธิ์)
๔.พระครูประโชติวรธรรม (หลวงพ่อพรหม)
๕.พระครูธรรมธร (หลวงพ่อกิตติ) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
     หลวงพ่อขาว (พระพุทธบุศโยภาส) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์นั้นมีประวัติและพุทธลักษณะดังนี้ หลวงพ่อขาวเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง ๓ วา ๑ คืบ สูง ๔ วา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างแบบก่ออิฐแล้งพอกด้วยปูนทาสีขาวทั้งองค์ชาวบ้านย่านนี้จึงเรียกว่าหลวงพ่อขาวตามพุทธลักษณะ ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังใหญ่หลังพระอุโบสถหลังเก่าของวัดลาดกระบัง มีประวัติว่าหลวงพ่อขาวนี้มีมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสาย (พระครูเมตตาวิหารี) เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดลาดกระบัง ซึ่งหลวงพ่อสายได้ชักชวนชาวบ้านที่เลื่อมใสและมีจิตศรัษธาชาวลาดกระบังร่วมกันบริจาคทรัพย์ร่วมกันก่อสร้างโดยประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างหลวงพ่อขาวเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน๖ ปีวอก สัมฤทธิ์ศก พ.ศ.๒๔๕๑ จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้นว่าวันที่ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หลวงพ่อขาวนั้นตรงกับวีนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงเสด็จมาประกอบพิธีเปิดทางรถไฟสาย กรุงเทพ-แปดริ้ว โดยเสด็จพระราชดำเนินทางขบวนรถไฟผ่านมาทรงทอดพระเนตรเห็นธงทิวราชวัตรฉัตรธงในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อองค์หลวงพ่อขาว เลยทรงรับสั่งถามผู้ที่ตามเสด็จว่าทางวัดเขาทำอะไรกันผู้ที่ตามเสด็จมาด้วนกราบทูลว่าวัดลาดกระบังกำลังประกอยพิธีก่อสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งต่อมาหลวงพ่อทอง (พระครูศีลาภิรัต)เจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ ได้จารึกแผ่นโลหะจารึกพระนานองค์พระเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๓ เวลา ๐๗.๐๐ น. ปิดไว้ที่เบื้องหน้าหลวงพ่อขาวว่า
“พระพุทธบุสโยภาส”




พระครูเมตตาวิหารี (หลวงพ่อสาย จนฺทสโร) เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ร.ศ. ๑๒๗ จ.ศ. ๑๒๗๐ วันพฤหัสบดีขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีวอก สัมฤทธิ์ศก กรุงรัตนโกสินทร์ ร.ศ. ๑ พ.ศ. ๒๓๒๕ จ.ศ. ๑๑๔๔ พระบาทสมเด็จพระพุทธจอดฟ้าจุฬาโลกทรงเป็นผู้สร้าง
     (“พุทธโธ อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า วโร ผู้ทรงตรัสรู้ธรรมอันพระเสริฐ วรญฺญู ผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมที่ตรัสรู้แล้วอันประเสริฐ วรโท ผู้ใหแล้วซึ่งธรรมอันประเสริฐ วราหโร ผู้ทรงนำมาแล้วซึ่งธรรมอันประเสริฐ อนุตตโร ผู้ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า อเทศยี ผู้ทรงตรัสแสดงแล้ว ธมฺมวรํ ซึ่งธรรมอันประเสริฐ อิทมฺปิพุทฺ เธรตนํปณีติ แม้อันนี้ก็เป็นพุทธรตนอันปราณีที่ทรงอยู่ในพระมพระภาค เอเตนสจฺเจน สุวตฺถิโวโหนฺตุ ขอความสวัสดี จงมีแต่ท่านทั้งหลายตลอดกาลนานเทอญ ฯ”)

    



พระครูศิลาภิรัต (หลวงพ่อทอง) ในปี ๒๕๑๒ ได้ชักชวนให้ประชาชนร่วมมือก่อสร้างวิหารที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาวหลังใหม่แทนหลังเดิม ซึ่งแต่เดิมนั้นฝาก่อด้วยอิฐโบราณ เสาไม้ ซึ่งทางวัดเห็นว่าไม่มั่นคง และไม่ปลอดภัย เพราะเสาบางต้นได้ผุกร่อนหายไป โดยก่อสร้างใหม่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ฝาก่ออิฐฉาบปูนอย่างมั่นคง มีความกว้าง ๑๑.๓๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร สูง ๒๒ เมตร ประตู หน้าต่างทุกบานมีซุ้ม ภายนอกปิดทองล่องชาดประดับกระจกสีสวยงาม ต่อหลังคาและชานเดินออกมาทางตะวันออก ด้านหน้าของวิหารกว้าง ๒ เมตร ปูกระเบื้องหินอ่อนมีบันได ๓ ขั้น ทางขึ้นลง ๒ ข้าง แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๑๕ สิ้นเงินก่อสร้างประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ บาทเศษ ซึ่งได้สร้างใหม่ในบริเวณวารหลังเดิม ซึ่งภายในได้ประดิษฐานองค์หลวงพ่อขาว ซึ่งเป็นองค์ที่ประชาชนชาวลาดกระบังได้เคารพนับถือกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยมีประครูธรรมธร (หลวงพ่อกิตติ) เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ของที่นิยมนำมาถวายแก้บนหลวงพ่อ ได้แก่ พวงมาลัย ๗ สี ยาว ๗ ศอก, ปลาตะเพียน, กลองยาว, ลิเก, ละคร, อาหารคาวหวาน ได้แก่ ไข่หวาน, ขนม และผลไม้ต่าง ๆ  

1 ความคิดเห็น: