เที่ยววัดกับขุนอภัยภักดี
ทริป # ๑๘ (วิหารหลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร
สัตหีบ)
วันนี้พี่ขุนอภัยภักดี
จะพาไปไหว้หลวงพ่อดำ หรือ พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวประมงสัตหีบ
“พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต”
หรือ “หลวงพ่อดำ” วัดช่องแสมสาร
ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นพระพุทธปฏิมากรศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง
ซึ่งชาวประมงฝั่งตะวันออก เลื่อมใสศรัทธา ทุกครั้งที่ออกทะเลมักจะไปนมัสการและขอพร
ชาวประมงทุกคนจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ มีโชคได้สินทรัพย์จากทะเลเป็นกอบเป็นกำ
พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต
หรือหลวงพ่อดำ ประดิษฐานในพระวิหารวัดช่องแสมสาร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสูง ๕ เมตร
มีรูปใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาทอดต่ำลงแผ่เมตตาให้กับผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้
ตำนานหลวงพ่อดำ ระบุว่า
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๑ “หลวงพ่อดำรง คุณาสโภ” ได้เดินทางจาก จ.สุพรรณบุรี มาปักกลด ณ
บริเวณพระเจดีย์เก่าบนเขาของวัดช่องแสมสาร หลวงพ่อดำรง
ได้เล่าให้ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการให้ฟังว่า ท่านจำพรรษาอยู่วัดเขาขึ้น
อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สาเหตุที่เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ เพราะได้ฝันว่า
เทพยดาองค์หนึ่งบอกให้ไปสร้างพระพุทธรูปไว้ใกล้ๆ พระเจดีย์เก่าองค์หนึ่ง
บนเขาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก “ในภายภาคหน้า
พระประธานองค์นี้จะกลายเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์
และมีประชาชนให้ความเคารพนับถือเดินทางมากราบไหว้กันเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากบริเวณแห่งนี้มีความเหมาะสมที่จะบูรณะให้กลายเป็น
แหล่งรักษาศีลและความสงบให้กับชาวพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก...”
หลวงพ่อดำรง
ได้ออกเดินทางจากวัดเขาขึ้น กว่าจะถึงวัดช่องแสมสารเป็นเวลาหลายวัน
เพราะท่านเดินทางถึงหมู่บ้านติดทะเลที่ใดก็จะแวะดูเรื่อยไป จนถึงบ้านช่องแสมสาร
อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี คือ สถานที่ท่านปักกลดอยู่นี้
เป็นสถานที่มีภูมิทัศน์ตรงกับสภาพที่ท่านนิมิตฝัน ท่านจึงชักชวนญาติโยม
ช่วยกันบริจาควัสดุในการสร้างพระพุทธปฏิมากร ซึ่งได้รับศรัทธาร่วมมือด้วยดี
ในสมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์ จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานคนแบกขนวัสดุขึ้นไป
การสร้างใช้เวลาสร้างประมาณ ๒ ปี จึงแล้วเสร็จและ ทารักสีดำ
ตั้งเป็นสง่าอยู่กลางแจ้ง โดยไม่มีหลังคาคลุมแต่อย่างใด
ชาวบ้านชาวเรือและผู้พบเห็น จึงเรียกว่าหลวงพ่อดำกันจนติดปาก ทั้งๆ
ที่ตอนสร้างเสร็จท่านได้ถวายนามว่า “พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต”
ซึ่งชื่อในตอนท้าย มีความหมายระบุว่า เป็นพระที่เกิดจากความฝันดี
หลังจากสร้างเสร็จประมาณ ๑
เดือน ได้จัดงานฉลองพระและประกอบพิธีเบิกพระเนตร ในครั้งนั้นได้มีการผูกหุ่นฟาง ๒
หุ่น เพื่อเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อดำ หลังจากเสร็จพิธีก็เผาหุ่นฟาง หลวงพ่อดำ
ได้ตั้งตากแดดอยู่กลางแจ้งเป็นเวลาถึง ๑๐ ปีเศษ
จนมีชาวประมงจากจังหวัดสมุทรปราการแล่นเรือผ่านมาเห็นหลวงพ่อดำตากแดด
จึงบนขอพรว่าออกเรือเที่ยวนี้ขอให้ได้ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
จะมาทำหลังคาให้ ปรากฏว่าได้ดังคำขอ จึงเอาเงินมาฝากให้นายเจริญ ทิศาบดี
ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยทำหลังคา แต่ไม่มีฝา เมื่อฝนตกก็สาดเปียก
ต่อมาชาวประมงอีกรายผ่านมา
ก็บนหลวงพ่อดำอีก ขอให้จับปลาได้เยอะๆ จะมากั้นฝาให้
ปรากฏว่าได้สมหวังก็เอาเงินมาฝากผู้ใหญ่ให้ช่วยทำต่อไป
สภาพวิหารหลวงพ่อดำในขณะนั้น จึงเป็นเพียงมีหลังคาและฝาไม้สามด้าน
มีชาวบ้านและชาวเรือต่างขึ้นไปนมัสการกราบไหว้ เป็นจำนวนมาก และมักประสบผลสำเร็จ
ส่วนภาพด้านล่างเป็นภาพเจดีย์ที่อยู่ด้านข้างวิหารหลวงพ่อดำก่อนและหลังการบูรณะ(เห็นภาพแล้วมาคิดว่าตัวเองไปกลับกรุงเทพ-สัตหีบมานานแล้วเหมือนกัน)
หลังจากสิบปีผ่านไป
สภาพของวิหารชำรุดทรุดโทรมจนใช้งานไม่ได้ นายเสน่ห์ พิทักษ์กร
สมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมมือกับพระครูวิสารทสุตากร เจ้าอาวาส พร้อมชาวบ้าน
ร่วมกันสร้างเป็นวิหารจตุรมุข ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง
และมีภาพปูนปั้นเรื่องราวพุทธประวัติ ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน ครั้นสร้างเสร็จ
ได้ทำพิธีเปิดวิหารอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์
พุทธศักราช ๒๕๓๒ ในแต่ละวันมีประชาชนเดินทางไปนมัสการขอบน
และแก้บนสิ่งสมปรารถนาโดยมิได้ขาด
เรื่องราวพุทธานุภาพปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อดำมีมาก
จากคำบอกเล่าของผู้คนที่มาแก้บนแต่ละวัน
จะเข้าสักการะแก้บนด้วยไข่ต้มและพวงมาลัยดอกไม้สด ตามความเชื่อว่าหลวงพ่อดำคุ้มครองรักษาให้ปลอดภัย
และได้โชคลาภสิ่งที่สมปรารถนาไม่ขาดสาย จนหลวงพ่อดำที่ทารักสีดำ
กลายเป็นหลวงพ่อดำสีทองเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งองค์ในปัจจุบัน
ผู้ที่จะเดินทางไปวัดช่องแสมสารแห่งนี้
หากเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ให้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ผ่านไปถนนสุขุมวิทและไปถึง
อ.สัตหีบ หรือหากมาจากถนนบางนา-ตราด ให้วิ่งไปทางพัทยาและผ่านไปถึง อ.สัตหีบ
สำหรับถนนทางขึ้นสู่ยอดเขานั้นราดยางอย่างดีตลอดเส้นทาง
และจะได้พบกับทัศนียภาพอันสวยงาม ทั้งทางทะเลและบนภูเขาควบคู่กันไปด้วย
หากมีเวลาจะได้ชมพระ อาทิตย์ตกทะเลอย่างสวยงามอีกด้วย เพียงหวังไว้ว่าพี่น้อง FC จะหันหน้าเข้าวัดรับความสุขจากพระพุทธศาสนาของเราบ้างขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16709
ภาพเจดีย์ก่อนการบูรณะ
ภาพเจดีย์หลังการบูรณะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น