ทริปนี้ต้องไปงานบวชพี่ชายที่พนมไพร ร้อยเอ็ด เลยไม่มีเวลามากในการไหว้พระทำบุญหลายๆวัด คือขับรถไป500กว่ากิโล และไม่เคยไปบ้านงานและร้อยเอ็ดด้วย ไม่มีข้อมูลที่เที่ยวเลยประกอบกับไม่รู้ว่าที่ๆจะไปอยู่ใกล้กับยโสธรแค่ 8 กิโลเอง แต่ก็โชคดีที่ออกไปหาอะไรกินตอนเช้า(เป็นคนกินยากครับเนื้อไม่กิน ปลานำจืดก็ไม่ถนัด) ที่นี่เป็นเมืองที่น่าอยู่มากๆเงียบสงบ และที่สำคัญสวยมากๆ อาคารบ้านเรือนตึกเก่าๆเยอะมาก หากได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานรัฐและประชาชนในพื้นที่ ผมว่าต้องเป็นจุดขายที่ดีให้กับจังหวัดเลยที่เดียว เอาตึกนี้ไปชมก่อนครับ
และมาศึกษาประวัติศาสตร์กันหน่อย
ยโสธรมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานเกี่ยวพันกับเมืองหนองบัวลุมภู
"นครเขื่อนขัณฑ์กาบแก้วบัวบาน" (อดีตอำเภอหนองบัวลำภูในจังหวัดอุดรธานี
ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) และเกี่ยวพันกับเมืองอุบล กล่าวคือ
ประมาณปีพุทธศักราช ๒๓๑๔ พระเจ้าตา เจ้าพระวอ เสนาบดีเก่านครเวียงจันทน์
อพยพครอบครัวและบริวารหนีมาเพื่อตั้งรกรากใหม่ เนื่องจากไม่พอใจเจ้านครคนใหม่
โดยใช้ชื่อเมืองใหม่ว่าเมืองหนองบัวลุมภู ขณะเดียวกัน พระเจ้าศิริบุญสาร
ซึ่งเป็นเจ้านครเวียงจันทน์อยู่เกิดหวาดระแวงจึงยกกองทัพจากนครเวียงจันทน์มาปราบปราม
พระเจ้าตาถูกข้าศึกยิงด้วยอาวุธปืน และฟันด้วยดาบจนถึงแก่พิราลัยในที่รบ เจ้าพระวอ
เจ้าคำผง และเจ้าฝ่ายหน้าผู้เป็นน้องทั้ง ๒ ของเจ้าพระวอ อีกทั้งเจ้าก่ำ
เจ้าทิดพรมได้ยกทัพฝ่าหนีออกจากเมืองหนองบัวลุมภูไปพึ่งพาเจ้านครจำปาศักดิ์
ขบวนทัพของเจ้าพระวอได้เดินทางตามลุ่มน้ำชีมาพักกับเจ้าคำสูผู้ปกครองบ้านสิงห์ท่า
(ปัจจุบัน คือ จังหวัดยโสธร )
ภายหลังต่อมาเจ้าพระวอดำริว่าหากอยู่กับเจ้าคำสูแล้ว
ถ้าเวียงจันทน์ยกทัพมาก็จะเป็นการลำบาก และจะเกิดศึกสงครามกันต่อไป
เมื่อประชุมตกลงกันแล้วจึงได้พาไพร่พลอพยพลงไปตามลำน้ำมูล และสร้างเมืองใหม่ที่ดอนวังกองเขตนครจำปาศักดิ์
ตามรับสั่งของพระเจ้าองค์หลวงเจ้านครจำปาศักดิ์
โดยเจ้าพระวอให้ขุดคูสร้างค่ายขึ้นเรียกว่า "ค่ายบ้านดู่บ้านแก"
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๒๑ เมื่อพระเจ้าศิริบุญสารทราบเรื่อง
จึงได้ยกทัพมาปราบอีกจนเจ้าพระวอถึงแก่ความตาย เจ้าคำผงน้องเจ้าพระวอและบริวารจึงได้อพยพต่อไปยังเกาะกลางลำน้ำมูลเรียกว่า
"ดอนมดแดง"
แต่เนื่องจากเป็นที่ต่ำไม่เหมาะสมที่จะสร้างเมืองจึงอพยพขึ้นมาตามลำน้ำมูลถึงห้วยแจระแมแล้วมาสร้างเมืองใหม่ที่ดงอู่ผึ้งเมื่อปีกุน
พ.ศ. ๒๓๒๒ แล้วมีหนังสือกราบบังคมทูลขอขึ้นอยู่ในขอบขัณฑสีมาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี
จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองที่ตั้งว่า "เมืองอุบล"
เพื่อเป็นการรำลึกถึงเมืองเดิมของตน(เจ้าคำผง) คือเมืองหนองบัวลุมภู
จากนั้นเจ้าคำผงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองอุบล และได้รับพระราชทินนามว่า
"พระปทุมสุรราช"
หลังจากนั้นต่อมา
เจ้าฝ่ายหน้าน้องพระปทุมสุรราชเจ้าเมืองอุบล พร้อมกับนางอูสา
ไพร่พลญาติวงศาอีกส่วนหนึ่งได้ขอแยกตัวไปอยู่ บ้านสิงห์ท่าซึ่งเจ้าคำสูปกครองอยู่
พระปทุมสุรราชไม่ขัดข้องจึงได้แยกย้ายกันไปทำมาหากินที่บ้านสิงห์ท่า
ได้ปรับปรุงและสร้างบ้านสิงห์ท่าจนเจริญรุ่งเรือง
จากเรื่องราวดังกล่าว
จังหวัดยโสธรจึงมีความเกี่ยวพันกับจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดอุบลราชธานี
(อันนี้ก็เป็นอีกเมนู
เหลาโฟปลาเส้น)
พ.ศ. ๒๓๒๕
หลังจากที่เจ้าฝ่ายหน้าได้ไปช่วยปราบกบฏอ้ายเชียงแก้วเขาโองที่นครจำปาศักดิ์
ตามใบบอกของพระปทุมสุรราช เจ้าฝ่ายหน้าก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น
"เจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศา" ครองนครจำปาศักดิ์ตามบัญชาของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พ.ศ. ๒๓๕๔
เจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศาถึงแก่พิราลัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
โปรดให้เจ้าหนู หลานเจ้านครจำปาศักดิ์ ครองนครจำปาศักดิ์สืบไป
ฝ่ายเจ้าราชวงศ์สิงห์
บุตรเจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศากลับมาอยู่บ้านเดิมคือบ้านสิงห์ท่า
และได้นำเอาอัฐิของเจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศากลับมาด้วย
แนะนำมาก่อเจดีย์บรรจุไว้ที่วัดมหาธาตุ ใกล้กับพระธาตุพระอานนท์ซึ่งยังปรากฏอยู่จนปัจจุบัน
พระธาตุยโสธร หรือ
พระธาตุอานนท์
เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่สำคัญองค์หนึ่งในภาคอีสาน
เจดีย์เป็นทรงสี่เหลี่ยมหรือทรงพรหมสี่หน้า ส่วนยอดคล้ายพระธาตุพนม
ภายในพระธาตุบรรจุอัฐิธาตุของพระอานนท์
การก่อสร้างได้รับอิทธิพลศิลปะลาวที่นิยมสร้างขึ้นเมื่อปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์
ซึ่งตรงกับประวัติการตั้งเมืองและประวัติของวัดมหาธาตุฉบับหนึ่งว่า สร้างราว พ.ศ.
๒๓๒๑ โดยท้าวหน้า ท้าวคำสิงห์ ท้าวคำผา
ซึ่งเดิมเป็นเสนาบดีเก่าของกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์)
ต่อมาได้อพยพผู้คนภายใต้การนำของพระวอ พระตา ราว พ.ศ. ๒๓๑๓ - ๒๓๑๙ มาตั้งถิ่นฐาน ณ
ที่นี้
ลักษณะพระธาตุ
ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ยาวด้านละ ๘๑ เมตร สูงสุดยอด ๑๒ วา ๒ ศอก
ก่ออิฐถือปูนเอวฐานคอดเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย เหนือขึ้นไปเป็นเรือนธาตุ มีซุ้ม ๔
ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืน ส่วนยอดธาตุมียอดปลีเหล็กแซมทั้ง ๔ ด้าน
ยอดกลางทรงสี่เหลี่ยมสอบ มี ๒ ชั้น รูปแบบการก่อสร้างคล้ายกับพระธาตุก่องข้าวน้อย
และทางวัดจะจัดให้มีงานสมโภชพระธาตุอานนท์ขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนมีนาคม
องขออภัยที่หาข้อมูลพระธาตุมาได้แค่นี้
หากท่านใดหรือพี่น้อ FC มีข้อมูลเพิ่มเติมรบกวนช่วยต่อด้วย
อย่างที่บอกครับว่าทริปนี้มีเวลาส่วนตัวน้อยมาก
แต่โดยส่วนตัวชอบบรรยากาศที่เมืองยโสธรมากๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น